บันทึกความทรงจำ การเดินทางท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์ การทำ SEO แหล่งความรู้ทุกแขนงถูกเก็บรวบรวมไว้ที่นี่ให้ทุกคนได้ศึกษา ได้เก็บเกี่ยวความรู้จากความทรงจำอันดีงาม ให้เช่าวัตถุมงคล พระเครื่อง พระบูชา รับตรงจากวัด แจกรูปฟรี
วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555
หลวงปู่ครูบาบุดดา เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำลี้
พระครูมงคลพิบูล หรือ ครูบาบุดดา อายุ 98 ปี วัดหนองบัวคำ ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน ท่านสืบต้นบุญมาจากครูบาเจ้าศรีวิชัย (หรือหลวงปู่ท่านเรียกว่าครูบาพ่อ) ร่วมสร้างวัดที่จังหวัดลำพูนหลายวัด ครูบาพ่อศรีวิชัยแนะแนวทางปฏิบัติให้ข้ามพ้นวัฏสงสาร พอครูบาพ่อมรณภาพ หลวงปู่ครูบาบุดดาในขณะนั้นอายุ 24 ปี ท่านได้สึกมาเรียนวิชาในไสยศาสตร์ที่อยากรู้ยิ่ง ถ้าครองเพศเป็นพระอยู่ไม่สามารถเรียนได้
จนท่านกำราบเสือปล้นเสือสมิงได้ ถ้าจะนับบายศรีเครื่องบูชาขันธ์ครู หลวงปู่ครูบาบุดดา ท่านบอกว่าให้หลังช้าง 2-3 เชือกก็ไม่พอใส่ เมื่อสมัยหนุ่มๆ ท่านปลุกเสกลำไยให้ออกลูกหน้าแล้งประจักษ์สายตาลูกศิษย์ลูกหามาแล้ว ดูดวงดาวแล้วรู้ว่าจะมีเรื่องที่บ้านไหน จะมีคนตายกี่คนก็บอกได้ ตบพื้นกระดาน เรียกคนให้มาหาก็ทำมาแล้ว ช่วงเป็นฆราวาส ท่านเป็นหมอยาประจำบ้าน เป็นกำนัน ต่อมาหลวงปู่ครูบาบุดดาเบื่อทางโลก จึงออกบวชอีกครั้งตามคำสั่งของครูบาศรีวิชัย (ครูบาพ่อ) ที่ว่า บวชครั้งที่ 2 ก็จบแล้ว หลวงปู่ครูบาบุดดาท่านยังไปเรียนกับครูบาวังที่จังหวัดตากมาหลายปี
นอกจากนี้ ท่านมีความสนิทสนมกับครูบาพรหมจักรสังวร (ผู้มีอัฐิเป็นพระธาตุใสเป็นแก้ว) ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (ร่างไม่เน่าแข็งเป็นหิน) และ ครูบาธรรมชัย ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ
พระเกจิ อาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่ครูบาบุดดา" วัดหนองวัวคำ จ.ลำพูน
ปัจจุบัน อายุ 98 ปี สืบทอดองค์ต้นบุญ ครูบาศีลธรรม เจ้าหน่อเนื้อครูบาศรีวิชัย ครูบาวัง วัดบ้านเด่น ครูบานันตา ทุ่งหมานใต้ สืบวิชายอดครูบาชั้นสูง จนได้ชื่อว่า "ผู้เฒ่าหยั่งรู้ฟ้าดิน" ในภาคเหนือยกย่องท่านว่า "อริยะแห่งเมตตา"
หลวงปู่ครูบาบุดดา วัดหนองบัวคำ อ.ลี้ จ.ลำพูน พระเกจิอาจารย์อาคมขลังพลังจิตแกร่ง แห่งเมืองหริภุญไชย ประวัติหลวงปู่บุดดา โดยสังเขป(ประวัติของหลวงปู่จริงๆที่ท่านเล่าให้ฟังเมื่อไปกราบนมัสการท่าน) ในอดีตหลวงปู่เคยได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านและกำนัน หลายสมัย นับระยะเวลาได้ร่วม 40 กว่าปี ในเวลาที่ท่านเป็นผู้ปกครองหมู่บ้านอยู่นั้นท่านเป็นนักพัฒนา เป็นนักปกครองที่ดีเป็นที่พึ่งพิงของชาวบ้าน เมื่อหมดวาระแต่ละคราว ท่านจึงได้รับความไว้วางใจคัดเลือกให้เป็นอีก จนสุดท้ายวัดที่บ้านเกิดของท่านขาดพระภิกษุ เหล่าบรรดาชาวบ้านจึงได้รบเร้าให้ท่านบวชเพื่อเป็นที่พึ่งให้กับชาวบ้านประกอบกับความเบื่อหน่ายในเพศฆราวาส ท่านจึงตัดสินใจบวชเป็นพระภิกษุ เมื่อบวชแล้วในระยะแรกหลวงปู่ท่านได้ไปศึกษาวิชาตำรายาและวิชาทางการแพทย์โบราณที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กทม. ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นท่านก็กลับไปศึกษาเล่าเรียนทางด้านคาถาอาคมสายล้านนาในแขนงต่างๆจนเชี่ยวชาญและแก่กล้า หนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่หลวงปู่ได้ไปเรียนวิชาด้วยก็คือ หลวงปู่ครูบาวัง วัดบ้านเด่น จ.ตาก พระเกจิอาจารย์ผู้เลื่องลือทางด้านวิชาม้าเสพนาง และวิชาอาคมล้านนา
หลังจากนั้นหลวงปู่ครูบาบุดดาท่านก็ได้ นำสรรพวิชาต่างๆที่ท่านได้ศึกษามาช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาทางการแพทย์ แผนโบราณ หรือแม้กระทั่งทางด้านคาถาอาคม จนมีกิตติคุณเป็นที่เลื่องลือไปในพื้นที่ ใครเดือดร้อนอะไรก็มาขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ท่านก็เมตตาสงเคราะห์ให้ทุกรายไป นอกจากงานช่วยเหลือชาวบ้านแล้วท่านยังเป็นพระนักพัฒนา ท่านได้บูรณะปฏิสังขร สร้างวัดวาอาราม ไว้ให้กับพระพุทธศาสนาหลายวัดด้วยกัน
ทางด้านวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง หลวงปู่ท่านมีความชอบทางด้านการสร้างและปลุกเสกวัตถุมงคลมาก วัตถุมงคลที่หลวงปู่บุดดาท่านปลุกเสกล้วนแล้วแต่มีพลังอำนาจสูง แรง เพราะหลวงปู่ท่านปลุกเสกด้วยพลังจิตที่แก่กล้า นับได้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์อาคมขลังอีกองค์หนึ่งของแผ่นดินล้านนา
"ครูบาบุดดา" ลูกศิษย์ลูกหาต่างรู้ว่า ท่านมีวิชาคาถาอาคมและทำวัตถุมงคลได้เข้มขลังมาก แต่ท่านมักถ่อมตน ไม่อวดอ้างคุณวิเศษที่มีอยู่ในตัว มักกล่าวเสมอว่า "เฮาก็บ่วิเศษจะใด ยังต้องแก่ ยังต้องตาย ยังหิว ยังขี้ ยังเยี่ยว เป็นอยู่เลาะ มีแต่พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์เฮานั้นเลาะ ที่เปิ้นเก่งเหนือโลก"
เป็นที่รู้กันดีว่า "พลังจิต" ท่านแรงมาก ลูกศิษย์ลูกหามักจะตามเก็บสะสมวัตถุมงคลที่ "หลวงปู่ครูบาบุดดา" สร้างทุกรุ่นอย่างใจจดใจจ่อเพราะรู้ดีว่า วัตถุมงคลของท่านมักมีประสบการณ์ และเป็นที่พึ่งได้ในยามยาก ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง ท่านจึงสร้างเครื่องรางของขลังประเภท "ตะกรุด" ขึ้นมาชนิดหนึ่ง ปัจจุบันกำลังดังและได้รับความนิยมอย่างมาก
ปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงปู่บุดดาเป็นที่ แสวงหาของนักสะสมหลายรุ่น ล่าสุดท่านได้อธิษฐานจิตปลุกเสก "ตะกรุดฮานสะหรี" ค้าแม่น ขายหมาน ใบลานค้ำดวงขายของดี
การ นำใบลานมาทำเป็นตะกรุด มีเคล็ดลับว่าใบลานอยู่ยอดสูงใบใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาคลุมไปทั่วบาง คลุมทั่วผืนดิน นก หนู ปู ปลาผ่านมาอยู่ใต้ใบลานก็จะร่มเย็นเป็นสุข ใบลานไม้มงคลที่สูงถึงการจารพระคัมภีร์ หรือจารึกพระธรรมในพระไตรปิฎก ให้คนได้กราบไหว้บูชา วงจรชีวิตของต้นลานค่อนข้างพิเศษกว่าไม้ตระกูลอื่นๆ คือเมื่อต้นแก่อายุประมาณ 80 ปี จะออกดอก และผล นั่นหมายถึงชีวิตช่วงสุดท้ายของต้นลานสิ้นสุดแล้ว ยืนต้นตายเป็นร่มเงาให้ผืนดินอย่างเดิมไม่ล้ม
ใบลานสูตรลานนาใช้นำ มาทำตะกรุดค้าขายดีนัก หลวงปู่ครูบาบุดดานำยันต์ค้าหมดขายหมานลงหัวใจบนใบลาน ต้นที่ช่วงชีวิตสุดท้าย ออกดอกครั้งเดียวพอทิ้งดอกก็ยืนต้นตาย ในสายลานนาทำตะกรุดใบลานใช้ค้าขายดี เป็นที่เสาะหาของลูกศิษย์ที่พอรู้
หลวง ปู่ครูบาบุดดาท่านยังทำตะกรุดเป็นไส้ใน เป็นวิชา "ก้ำสะหรี" หรือค้ำดวงให้ดีอีกด้วย ทางเหนือจะใช้ไม้ค้ำต้นพระศรีมหาโพธิ์ เพื่อให้ชีวิตมั่นคงไม่โอนเอนเอียง ท่านจึงวางตัวผู้ใช้ตะกรุดอยู่กลางมหายันต์ ไม่ให้หลุดออกจากยันต์ที่คุมไว้เด็ดขาด ตะกรุดชุดนี้จึงเป็นตะกรุด 2 โสตในดอกเดียวกัน ตามตำราลานนาที่สูงส่ง คือ ค้าขายและกันดวงตก
หลวง ปู่บุดดาบอกว่า "ถ้าอยากได้เรื่องร่ำรวยเงินทองก็หา "ตะกรุด บ่จน" มาใช้ แต่ถ้าใครอยากให้ทำมาค้าขายดี ดวงชะตาดี มีคนช่วยเหลืออุปถัมภ์ เจ้านายรัก ลูกน้องรัก และบริวารเป็นมหามิตร เกื้อฉันเราทั้งสิ้น ก็ให้อาราธนาตะกรุดนี้ใช้ติดตัวเอาเทอญ"
ขอห้ามที่หลวงปู่ครูบาเน้น นักหนา ถ้าท่านไม่เชื่อไม่ศรัทธาก็อย่าได้มองอย่าได้ สนใจเลย ห้ามบูชาไป ของดีที่ท่านสร้าง ให้จะมีผลมีอิทธิฤทธิ์มากอย่างชนิดที่คาดไม่ถึงก็ต่อเมื่อ เชื่อมั่นในเวทมนตร์วิชาของล้านนาเท่านั้น
"พระเฒ่าผู้หยั่งรู้"คือฉายาที่ชาวบ้านละแวกนั้นตั้งให้กับท่าน ท่านไปคนพูดตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ไม่พูดเอาใจใคร ใครพูดโกหกมาท่านรู้หมด ท่านไม่ชอบให้ชาวบ้านทำผิดศีีลธรรม คุณผู้้ชายท่านไหน แอบไปมีกิ๊ก มีเมียน้อยอย่าอย่าพาเมียหลวง เข้าไปหาท่านเชียว ท่านจะพููดออกมาหมด ไม่ปิดบังดูซิท่านหยั่งรู้ขนาดไหนก็ดูเอาเถิด ทำพระออกมาคราวไหน ต้องแยงกันหัวร้างค่างแตก เพราะต่างคนอยากมีของๆท่านไว้กับตัว ทุกคนที่ได้มาต่างเก็บกันเป็นของหวง ไม่มีให้ใครง่ายๆ
ป้ายกำกับ:
ประวัติเกจิอาจารย์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น