นพ.ไพศาล ธัญญาวินิชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด แม่ฮ่องสอน แจ้งว่า ในช่วงฤดูฝน และมีฝนตกต่อเนื่องทำให้มีน้ำขัง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคฉี่หนู แจ้งเตือนประชาชนและเกษตรกร ให้ระมัดระวังโรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส ที่มักระบาดในช่วงหน้าฝน หรือช่วงฤดูทำนา เกษตรกรที่ต้องลงสัมผัสน้ำเป็นเวลานาน ควรสวมใส่รองเท้าบูท หรือเครื่องป้องกันให้มิดชิดเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากโรคฉี่หนูเกิดจากการสัมผัสปัสสาวะของสัตว์โดยตรง หรือติดโดยทางอ้อมจากแหล่งน้ำตามทุ่งนา และบริเวณที่มีน้ำขัง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยมีการระบาดของโรค ต้องมีการเฝ้าระวังป้องกันเป็นพิเศษ
สาเหตุของโรคฉี่หนูคือเชื้อแบคทีเรีย “เลปโตสไปร่า” อาศัยอยู่ในสัตว์พาหะเลี้ยงลูกด้วยนม เช่น หนู วัว ควาย สุนัข แมว แต่ที่สำคัญที่สุดคือ หนู เชื้อจะออกมากับปัสสาวะของสัตว์พาหะได้ตลอดเวลาในดิน แอ่งน้ำ ร่องน้ำ น้ำตก แม่น้ำลำคลอง และเชื้ออยู่ได้นานเป็นเดือน จะเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยโดยทางผิวหนัง และเยื่อบุที่อ่อนนุ่ม เช่น ตา จมูก ปาก เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะใช้ระยะฟักตัว 5 - 14 วัน จะเริ่มมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศรีษะ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดน่อง ตาแดง ปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เมื่อเชื้อโรคกระจายไปทั่วตัว จะมีภาวะแทรกซ้อนได้หลายระบบ ผู้ป่วยมักเสียชีวิตจากภาวะไตวาย ตับล้มเหลว ระบบหายใจล้มเหลว แต่หากผู้ป่วยได้รับการตรวจรักษาได้เร็วและได้รับยาปฏิชีวนะตามข้อกำหนดผู้ ป่วยก็จะหายได้
ดังนั้น จึงขอแจ้งเตือนประชาชน และเกษตรกรที่ต้องลงแช่น้ำเป็นเวลานาน หากมีอาการสงสัยให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาโดยเร็ว การป้องกันเบื้องต้น เกษตรกรควรสวมใส่รองเท้าบูทเมื่อลงแช่น้ำ และหลังเสร็จสิ้นภารกิจให้รีบล้างมือ ล้างเท้าด้วยสบู่ให้สะอาด โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผลตามร่างกาย หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำหรือลุยน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อจากปัสสาวะ ถ้าจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ท หรือสวมถุงพลาสติกหนาหุ้มด้วยรองเท้าผ้าใบ และช่วยกันควบคุมกำจัดหนูในบริเวณที่อยู่อาศัย บริเวณสถานที่ทำงาน แหล่งพักผ่อนท่องเที่ยว ล้างท่อระบายน้ำที่อาจจะเป็นแหล่งปนเปื้อนเชื้อบ่อยๆ ไม่ปล่อยให้น้ำขัง ควรเก็บอาหารไว้ในที่มิดชิดเพื่อป้องกันหนูถ่ายปัสสาวะรดใส่อาหาร อาหารที่ค้างมื้อควรนำมาอุ่นให้ร้อนทุกครั้งก่อนรับประทาน และ ภาชนะที่ใส่อาหารควรล้างทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น