วันนี้(17 ก.ค.) ที่โรงแรมคราวน์ พลาซ่า นายไกรรพ เหลืองอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเอสอาร์ไอ(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร และผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์นำทางด้วยดาวเทียม(จีพีเอส) การ์มิน ประเภทติดรถยนต์(PND) เปิดเผยว่า บริษัทจึงได้รุกตลาดด้วยการเปิดตัว “ไลพ์ไทม์ แมป อัพเดท” รายแรกในไทย
โดยเปิดให้ลูกค้าที่ซื้ออุปกรณ์นำทางจีพีเอสการ์มิน นูวี่ รุ่น 2465 ,2565 ,2575 ,3770 และ 3790 วี สามารถอัพเดทข้อมูลแผนที่ได้ตลอดอายุการใช้งานมีผลตั้งแต่ 1 ก.ค. ส่วนผู้ซื้ออุปกรณ์ทั้ง 5 รุ่นย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ก็จะได้รับสิทธิด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้การเปิดให้ลูกค้าอัพเดทแผนที่ได้ 4 ครั้งต่อปีโดยไม่ต้องเสียเงินถือเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า โดยแผนที่ นอตทรา แมป ที่บริษัทใช้ถือว่ามีความถูกต้องแม่นยำที่สุดปรับปรุงข้อมูลทุก 3 เดือน มีจุดสถานที่สำคัญ 8 แสนแห่ง เส้นทางรวม 7.5 แสนกิโลเมตร และยังมีฟังกชั่นข้อมูลจราจรเรียลไทม์ ซึ่งพัฒนาโดยคนไทย จึงถือเป็นจุดแข็งของผลิตภัณฑ์
สำหรับตลาดอุปกรณ์นำทางจีพีเอส ประเภทติดรถยนต์(PND) ในไทยยังมีโอกาสเติบโตอย่างมากเมื่อเทียบกับยอดขายรถยนต์ของไทยที่คาดว่าจะ เกิน 1 ล้านคันในปีนี้ ประกอบกับราคาอุปกรณ์ถูกลงต่อเนื่อง โดยรุ่นต่ำสุด 3,990 บาทเท่านั้น จากเมื่อ 10 ปีก่อนราคาสูงถึง 3 หมื่นบาทต่อเครื่อง โดยคาดว่าตลาดอุปกรณ์นำทางจีพีเอสของไทยปีนี้จะอยู่ที่ 1.2 แสนเครื่อง บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 1 แสนเครื่อง ซึ่ง 6 เดือนที่ผ่านมาขายได้แล้ว 5 หมื่นเครื่อง ในเร็วๆนี้จะนำการ์มินที่มีกล้องบันทึกภาพขณะขับขี่เข้ามาจำหน่ายในไทย ซึ่งจะช่วยผู้ขับขี่ภาพนำมาเป็นหลักฐานกรณีเกิดอุบัติเหตุได้ซึ่งรุ่นนี้ขาย ดีมากในไต้หวัน
ด้านนายโทนี่ อังค์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท การ์มิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลาดอุปกรณ์นำทางจีพีเอสทั่วโลกมีการเติบโตอย่างมาก โดยเมื่อไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ การ์มินมียอดขายแล้ว 100 ล้านเครื่องทั่วโลก แต่สำหรับประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้อุปกรณ์นำทางจีพีเอสเพียง 6.79% เมื่อเทียบกับจำนวนรถ จึงถือว่าตลาดยังเติบโตได้อีกมาก การเปิด “ไลพ์ไทม์ แมป อัพเดท” จะช่วยให้ผู้ใช้อุปกรณ์นำทางจีพีเอสการ์มินสามารถประหยัดเงินเพื่อใช้อัพเด ทแผนที่ได้สูงถึง 9,000 บาท ซึ่งบริการนี้จะช่วยให้ผู้กำลังจะหาอุปกรณ์นำทางติดรถยนต์สามารถตัดสินใจ เลือกการ์มินได้ง่ายขึ้น สำหรับการที่มีแอพพลิเคชั่นแผนที่นำทางบนสมาร์ทโฟน ถือว่าไม่ส่งผลกระทบเพราะเป็นคนละตลาดกัน หากผู้ขับขี่จะใช้อุปกรณ์นำทาง จะเลือกแบบติดรถยนต์มากกว่าใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น