ใน 26 ปีที่ผ่านมา คงมีคนอยู่น้อยมาก ที่รู้จัก อัสนี-วสันต์ แล้วร้องเพลงของเขาไม่ได้แม้ประโยคเดียว
คุณอาจจำเพลงของอัลบั้ม รุ้งกินน้ำ ไม่ได้ แต่ก็คงไม่ลืม ผักชีโรยหน้า อาจพร่าเลือนกับ จินตนาการ แต่ก็ยังแจ่มชัด ฟักทอง หรือร้างราไปกับ กระดี่ได้น้ำ แต่ไม่เคยจืดจางกับ บ้าหอบฟาง
ใช่แล้ว “บ้าหอบฟาง” ที่ผ่านไป 26 ปี และเดือนหน้านี้ มันจะถูก “รื้อ” ความหลังกันอีกครั้ง
แต่ก่อน “ป้อม และโต๊ะ” จะ “รื้อ” ความหลังของกองฟาง
เรามา “คุย” อัสนี และวสันต์ โชติกุล ในบ่ายอันร้อนรนวันหนึ่ง ของเดือนมิถุนายน...
- ปกติคอนเสิร์ตใหญ่อัสนี-วสันต์ ตั๋วก็ขายเกลี้ยงตลอด แต่ครั้งนี้ “ปักป้าย” ว่า “26 ปี บ้าหอบฟาง” บรรยากาศของงานจะมีอะไรต่างไปไหม
- มีข่าวแพร่งพรายออกมาว่า คอนเสิร์ตนี้ โต๊ะ-วสันต์ จะถูกแกล้งให้โดดเดี่ยว
- ปี 1986 นอกจากมีอัลบั้ม"บ้าหอบฟาง" ปี เลดี้ กาก้าเกิด มี hand of god ของ มาราโดน่า ในบอลโลก และมีหนัง Stand By Me ทั้งสองคนจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองในปีนั้นได้บ้าง
อัสนี : ช่วงนั้นผมจำได้ว่า มีไอเดียอยากจะลองเปลี่ยนแนวการฟังเพลงของคนฟัง คือ ตอนนั้นก็ได้ทำงานกับหลายคนในห้องอัดเสียง ก็อยากทำบ้าหอบฟาง อยากลองดูแนวใหม่ และจำได้ว่าพอบอกใครๆ คนรอบตัวก็ทำหน้างงว่า มันยังไงเหรอ ไอ้บ้าหอบฟางเนี่ย มันเข้าข่ายอะไร มันงงๆ มั้ย (โต๊ะนั่งขำ อยู่ข้างๆ) เพราะว่าแค่ชื่ออัลบั้ม ก็มีเพื่อนถามว่า ตั้งแก้เคล็ดอะไรไว้เปล่า
- แล้วจริงๆ “บ้าหอบฟาง” มันลอยมาจากไหน...
แฟนพันธุ์แท้ อัสนี-วสันต์ เขาเคยวิจารณ์ว่า ถ้า “บ้าหอบฟาง” เป็นมาสเตอร์พีซ อัลบั้ม “รุ้งกินน้ำ” ก็คือการกลับมา “ท็อปฟอร์ม” แล้วในฐานะคนทำ มองอย่างไร
อัสนี : สองชุดนี้ห่างกันราวๆ 12 ปีถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นพอจะทำ “รุ้งกินน้ำ” ผมได้คุยกับคุณกฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา ว่าเราจะทำออกมาอย่างไร ซาวด์จะยังไงดี แล้วได้เห็นรุ้งกินน้ำที่ต่างจังหวัด มันสวยนะ มี 7 สีแต่ความหมายล่ะ จะสร้างยังไง อะไรควรมี ไม่ควรมี เป็นภาพที่ค่อยๆ ดึงออกมา มีการมองจากสภาพแวดล้อมตอนนั้นเยอะ เช่น รุ้งกินน้ำ ไม่ควรจะมีเพลงแบบเชียร์กีฬานะ ไม่มีเพลงแบบ “กรุงเทพมหานคร” เพราะมันไม่ไปทางนั้น ผมคิดว่ารุ้งกินน้ำ มันเป็นการคิดต่อไปจากบ้าหอบฟางส่วนหนึ่ง
- แล้วคนทำชอบชุดไหนมากกว่ากัน ถ้าต้องเลือก
อัสนี : แน่นอนครับ ผมชอบ “บ้าหอบฟาง” เหตุผลเพราะผมได้ทำงานอย่างที่ตัวเองอยากจะทำอย่างสุดยอด ตอนนั้นผมเล่นดนตรี ทำงานกับคน เล่นเพลงไทย เพลงฝรั่ง พอมาถึงบ้าหอบฟาง มันคือ beat ของชีวิตที่เปลี่ยนชีวิตผมไปเลย เป็นบรรยากาศที่ดีมาก ต้องขอบคุณไนท์สปอตตอนนั้นด้วยที่ให้โอกาสผม แต่ไม่ได้หมายความว่า พอมาทำชุดต่อๆ มาจะไม่ชอบนะ เพียงแต่โจทย์การตลาดตอนทำชุดแรกไม่ได้มี เพลงทั้ง 9 เพลง มันมาจากสิ่งที่อยากจะทำจริงๆ ต้องบอกว่ามันเปลี่ยนชีวิตผมไปเลย
- พวกคุณเคยให้สัมภาษณ์ “สีสัน” เมื่อเดือนมกราคม ปี 2541 ว่า อาจจะเว้นการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ไปเลย 5 ปี ทีนี้อะไรจะเป็นตัวบอกว่า เราต้องกลับมาแล้ว ในเมื่อไม่มีอัลบั้มใหม่
อัสนี : ใช่ๆ มันเป็นความรู้สึกที่จะบอกกับเรา มันจะมีอยู่
- เพราะ “อัสนี-วสันต์” ไม่เล่นตามร้านอาหาร ผับบาร์ เหมือนคนอื่น อันนี้เป็นการเซฟ แล้วไประเบิดคอนเสิร์ตใหญ่ทีเดียวเลยไหม
วสันต์ : ผมขอเสริมนะครับว่า เรื่องความรู้สึกกับคอนเสิร์ตนั้น ตอนเราหยุดยาวไป 5 ปี ก็คิดว่าจะหยุดยาวไปกว่านั้นอีก แต่แล้ว มันก็มีอะไรมาบอกเราว่า มันต้องกลับมาแล้ว มันต้องทำ เพราะมันคือสิ่งที่อยู่กับชีวิตของเรา
อัสนี : จริงๆ การเล่นดนตรี คือ ชีวิตของพวกเราอยู่แล้ว แต่การแสดงคอนเสิร์ต เราอยากมีความพร้อม เคยเจอความไม่พร้อมก็ไม่สนุกกับมัน แล้วต้องบอกว่า การทำแต่ละครั้งนี่ ค่าใช้จ่ายมันสูงนะ แต่เราโชคดีที่มีสปอนเซอร์เข้าใจการทำงานตรงนี้
- คุณอัสนี เคยบอกว่า คาราบาว มีแฟนเพลงหลายวัย เปรียบเหมือน The Rolling Stones ถ้าอย่างนั้น “อัสนี-วสันต์” เป็นอะไร ใช่ Simon and Garfunkel ?
- ตอนนี้แผ่นเสียง “บ้าหอบฟาง” ราคา 6,500 บาท ขณะที่ “เมด อิน ไทยแลนด์” ราคา 10,000 บาท
วสันต์ : เป็นไปได้ยังไง งานของเรา มีแนวตลาดมากกว่าเขานะ
อัสนี : ผมว่า เราต้องไปปั่นราคากันใหม่นะ แต่ไม่แปลกที่คาราบาวเขาจะมีราคาดี แอ๊ด คาราบาว เขาเก่งมากนะ เป็นคนเฉียบคมมาก ผมยอมรับเลย เขาแต่งเพลงเก่งมาก ทุกคำไม่มีซ้ำคำของเขานี่เพียวๆ เลย
- หลายปีมานี้ อัสนี-วสันต์เดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศ สคริปต์เวลาเล่นในบ้านเรากับต่างประเทศ ต่างกันไหม
วสันต์ : ผมว่าบางทีเล่นที่ต่างประเทศสนุกกว่าด้วยนะ คือ พวกเขาแสดงออกเต็มที่กว่า อาจจะนานๆ เจอกันที ก็ได้มั้ง แล้วคนไทย 5,000-6,000 คน มาดูกันที่เวมบลีย์ อารีน่า(ประเทศอังกฤษ)นี่ ผมว่าก็เยอะแล้วนะ
- เห็นบอกว่า เวลาออกอัลบั้มอาจจะกดดันว่าคนชอบไหม แล้วเล่นคอนเสิร์ตใหญ่มีเรื่องกดดันมั้ย
- ออกจาก “แกรมมี่” แล้ว งานชุดใหม่ก็ยังไม่มี ทั้งสองหายไปทำอะไร
วสันต์ : ผมก็แปลกๆ นะ อยู่ที่ “เลย” ก็คิดถึงกรุงเทพ พอมาอยู่กรุงเทพ ก็คิดถึงที่ “เลย” ไม่รู้จะเอายังไง แต่ไม่เบื่อกรุงเทพฯ นะ ก็เที่ยวได้หมด สบายๆ ไปห้าง ไปนั่น ไปนี่
- ยังแอบไปดูหนังรอบ 21.00 น.เพราะหนีคน เหมือนสมัยก่อนมั้ย
- ธุรกิจดนตรีทุกวันนี้ คุณมองว่าเป็นยังไง
สิ่งที่น่าอิจฉา คือ มาตรฐานเขาดีแล้ว เขาจึงสามารถไปทดลองไอเดียอะไรได้มากกว่าเรา นี่คือเรื่องที่ดีมากๆ เพราะเขาสามารถจะทดลองมาแข่งกัน แต่ของเรา บางทีถ้ามันทำอย่างนั้น มันอาจจะกลายเป็นแพ้ ขาดทุน ต้องหาทางเยียวยากันไป ผมเคยทำค่ายเพลงอยู่ค่ายหนึ่ง ก็ได้พบว่าแม้เราจะหาความต่าง หาวิธีการอะไรได้ แต่ในที่สุดมันต้องมีเพลงขาย มันจะมาย้อนศรอะไรแบบฝรั่งไม่ได้ มันก็เป็นเงื่อนไขที่กดดันอย่างหนึ่ง แต่เราเข้าใจนะ
- ถ้าลงลึกในแง่ครีเอทีฟ ฝรั่งกับเรามีแง่มุมอะไรที่ต่างกัน
- Sound ที่เปลี่ยนไปของการทำเพลง มี Digital เข้ามา แล้ว Analog หายไป ยังมีอาการโหยหา sound แบบเก่าๆ มั้ย
วสันต์ : คือรุ่นใหม่นี่ เขาแค่ฟังเอาจากลำโพงมือถือ เขาพอใจแล้ว (ยิ้ม)
- เกือบ 30 ปีมาแล้ว คนก็ยังร้องเพลงรักอัสนี-วสันต์ ยังตามดูคอนเสิร์ตอยู่ มันสะท้อนอะไร ?
วสันต์ : เพลงรักของผม มันจะเป็นเพลงแบบกลางๆ ไม่ได้อะไรไปมากๆ ทางหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่า คนรุ่นนี้เขาจะฟังหรือเปล่า แต่เพลงรักของผมจะสบายๆ หน่อย
- แล้วสภาพสังคมไทยตอนนี้ เราควรจะมีความรักแบบ “วัวลืมตัว” ! หรือ “รักเธอเสมอ” ... ถ้าวันข้างหน้าไม่อยาก “หัวใจสะออน”
- วันนี้แฟนเพลงของ อัสนี-วสันต์ มีลูกกันหมดแล้ว และลูกๆ กำลังเห่อ“พ่อมด” (harry potter) กับ “แวมไพร์” (twilight) ถ้าต้องเลือก ทั้งสองจะเป็นอะไร
อัสนี : งั้น ผมเป็นพ่อมดแล้วกัลล์ มันเป็นอะไรที่ไม่ดีใช่ไหม พ่อมดเนี่ย
- เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศยูโร 2012 อัสนีและวสันต์ เชียร์ทีมอะไร
- มันมีเหตุผลมั้ยว่าทำไมต้องเชียร์ ทีมเดียวกัน
วสันต์ : มันเป็นทีมที่เวลาบุกขึ้นไปเนี่ย เราดูออกว่า เวลาไปซ้ายไปขวา แล้วเข้ากลาง มันหวังได้ มีประสิทธิภาพ
- ทั้งสองเป็นคนดูบอลมั้ย
อัสนี : แต่ตอนนี้ผมดูนะ ผมพึ่งหนวดกุ้งอยู่
- ถ้าให้ขึ้นเวทีกับศิลปินระดับโลกได้สักคน อัสนี-วสันต์ อยากแสดงกับใคร
วสันต์ : ผมไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาถามอะไรแบบนี้ ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนี้มาก่อนเลย (หัวเราะ) งั้นผมขอเลือก the beatles ตอนนี้เหลืออยู่สองคน ริงโก้กับพอล เขาเป็นแรงบันดาลใจ เป็นขวัญใจ (อัสนี ครวญเพลง yesterday ประกอบ)
- "หนังในดวงใจ" ของคนสร้างเพลง ที่ชื่อ อัสนีและวสันต์ คือเรื่องอะไร
วสันต์ : ผมชอบสองเรื่องคือ Godzilla กับ Gone With The Wind
- จะมีคอนเสิร์ต 26 ปีเรามี 26 คำถาม แต่คำถามสุดท้าย ให้พี่ป้อมกับพี่โต๊ะ สัมภาษณ์กันเอง
อัสนี : งั้นผมจะถามว่า เราสองคนมาทำอะไรที่นี่ (ยิ้ม)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น