วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

2 สิ่ง ที่ทำให้เกิด "ความสง่า"


บางคนใส่เสื้อผ้าน่ารักๆ แต่งตัวดูดี แต่คนเหล่านั้น พออยู่ใกล้แล้ว กลับไมได้รู้สึกดีด้วยเลย เราได้เพียงแค่รู้สึกดีที่ดูด้วยดวงตา แต่เมื่อดูด้วยใจเรากลับพบกับสิ่งที่ไม่เห็นสวย ไม่เห็นดี ไม่เห็นมีอะไรน่ามองเลยสักอย่าง ไม่มีความงดงามเอาเสียเลย แต่บางคน แม้ไม่ได้แต่้งตัวเลย อาจจะดูธรรมดา เรียบ ๆ แต่เพราะอะไรมองแล้ว ถึงรู้สึกว่าทำไมเราปลื้มคนคนนี้จัง

คำตอบก็คือ


โบราณสอนว่า

"คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า

คนจะสวย สวยจรรยา(นิสัย) ใช่ตาหวาน

คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน

คนจะรวย รวยศีลทาน ใช่บ้านโต"


ในพระพุทธศาสนา ท่านสอนว่า หากคนเรา มีสิ่ง 2 สิ่งต่อไปนี้ จะเรียกได้ว่า "เป็นคนสวย" , "เป็นคนงาม" , "เป็นคนสง่า ", เป็นคนน่ารัก" , เป็นคนน่ามอง


หรือเป็นแม้แต่ไอดอลของคนทั่วไป แม้ว่าจะมีทรงผมกระเซอะกระเซิง ไม่ได้แต่งหน้า ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ แต่คนที่มองแล้วกลับรู้สึกชื่นใจ ชอบใจ และรู้สึกดี บางครั้ง สิ่งนี้อาจทำให้คนที่เห็นหรือแม้แต่ได้ยินศรัทธาในตัวเรา และขนลุกได้


2 สิ่งนั้นคือ สิ่งที่เรียกว่า "ขันติ" และ "โสรัจจะ"

ขันติ ในภาษาไทยเราใช้คำว่า ความอดทน แต่คำว่าอดทนนี้ฟังแล้วดูเหมือนว่าเราช่างพบเจอกับเรื่องหนักเสียเหลือเกินจึงต้องอดทน แต่ที่จริงแล้ว ความหมายตามตัวในพระบาลีนั้น คำว่าขันติ ท่านแปลว่า "ความใจเย็น" , "ความไม่ใจร้อน" , "ความเย็นใจ" , "ความชื่นใจ" , "ความไม่ดุร้าย" , ความไม่ปากร้าย" , "ความไม่เกรี้ยวกราด"

หรือเรียกได้ว่า ความมีอารมณ์แจ่มใส ไม่ทำอะไรให้เครียด นี้ก็เข้าในความหมายของขันติได้

คนที่มีขันติ จะเป็นคนที่ผู้อื่นศรัทธา เพราะโดยปรกติแล้ว เราไม่ค่อยได้เห็นว่าใครเป็นคนที่ดีจริง จนกว่าเราจะได้เห็นเขาอยู่ในสถานการณ์บางอย่าง เช่น สถานการณ์กดดัน หรือถูกต่อว่า หรือพบกับเรื่องขัดใจ หากในสถานการณ์แบบนั้น ใครสักคนแสดงให้เราเห็น หรือเราแสดงให้ใครเห็นได้ว่า สบายๆ กับเรื่องนั้นๆ ไม่เครียด ไม่ด่าตอบ ไม่ว่าตอบ ไม่โกรธตอบ เขาใส่อารมณ์มา ไม่ใส่อารมณ์กลับ ภายในไม่กี่วันเท่านั้น ความดีตรงนี้จะถูกกระจายไปปากต่อปาก และไม่นานเลย เราก็จะเป็นที่รักของคนหลายๆ คน และหากเรารักษาความดีนี้ไว้ได้เสมอต้นเสมอปลาย ทุกๆ วัน ทุกๆ เวลา เราก็จะมีความสุขและความสบายใจอยู่ทุกเวลา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น