ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ ว่าทุกวันนี้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ
ล้วนแล้วต่างวิ่งเข้ามาหาผู้บริโภคกันอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์
วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร จนมาถึงอินเตอร์เน็ต
ไม่ยากเลยนะครับที่อยากรู้อะไร ก็เข้าไปคีย์wording เช่น ประกันภัยรถยนต์
ที่ Google ไม่ถึงวินาที ข้อมูลต่างๆก็โผล่ขึ้นมาให้เราดูเต็มไปหมด
เพราะฉนั้นการเลือกซื้อขั้นตอนแรกต้องใช้Googleเพื่อเช็คข้อมูลต่างๆ ว่ามีอยู่จริง น่าเชื่อถือรึเปล่า...
ขอเข้าสู่ขั้นตอนแรกในการเลือกซื้อ คือ...
1. เลือกบริษัทประกัน เพราะบริษัทประกันเป็นสินค้าหลัก
ที่เราจะต้องใช้บริการเป็นเวลา 1 ปีเต็ม
และเรื่องประกันหลายคนเข้าใจว่าต้องมีชื่อเสียง มีความมั่นคง เคลมดี
มาเร็ว...แต่ข้อมูลเหล่านี้ เราต้องดูจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น
ผลประกอบการ ดูที่ http://www.oic.or.th/th/statistics/on-life-inner07.php
หรือ ยอดขาย ส่วนแบ่งการตลาด
ดูที่http://www.oic.or.th/downloads/statistics/nlife/yearly/2551/compare
/compare_tab6_1351-1.pdf หรือดูจากwebsiteของบริษัทประกันนั้นๆที่เราสนใจ
สิ่งสำคัญ คือ ความมั่นคง เหมือนการเลือกฝากเงินเลยครับ
2. เลือกช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น
ซื้อโดยตรง,ซื้อผ่านธนาคาร,ซื้อผ่านตัวแทน-นายหน้า,ซื้อผ่านทางโทรศัพท์
หรือ ซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพอใจเพราะสุดท้ายก็ได้รับบริการจากบริษัทประกันภัย
เป็นหลัก แต่ในช่องทางต่างๆจะมีจุดต่างที่ควรพิจารณาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
-ราคาค่าเบี้ยประกัน ซึ่งแต่ละที่ไม่เหมือนกัน
แม้เป็นบริษัทประกันภัยเดียวกันตาม เพราะบางช่องทางมีเบี้ยพิเศษ หรือ
มียอดขายเยอะพอที่จะได้ส่วนลดพิเศษ
-ส่วนลดการค้า 3%,5%,10% หรือมากกว่านั้น บางที่แถมพรบ. บางที่ให้บัตรเติมน้ำมัน เป็นโปรโมชั่น หรือ เกิดจากการต่อรอง
-การให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย เช่น
แนะนำและเปรียบเทียบเบี้ยประกันของบริษัทที่เราสนใจ
ประสานงานเคลมเวลาบริษัทประกันจ่ายช้า หรือ ไม่คุ้มครองบางรายการ
สามารถให้คำปรึกษาและแนะนำได้อย่างถูกต้อง
*แต่อย่าลืม..เรื่องความน่าเชื่อถือเป็นอันขาด*เพราะหลายคนชอบต่อราคา
เลยลืมที่จะตรวจสอบความน่าเชื่อถือของช่องทางที่มานำเสนอค่าเบี้ยเรา เช่น
โทรมาขาย,searchเจอในGoogle ว่ามีตัวตน มีใบอนุญาต
วิธีการง่ายๆโทรสอบถามบริษัทประกัน
และชำระผ่านบัญชีบริษัทประกันและเก็บหลักฐานเอาไว้จะดีมากครับ
3. วิเคราะห์ลักษณะการใช้รถ เพื่อหาเบี้ยที่เหมาะสมที่สุด เช่น
-ซ่อมอู่ หรือ ห้าง ค่าเบี้ยต่างกัน 10-30% ซึ่งรถบางยี่ห้อ ห้างน้อยมากๆ
สู้เลือกบริษัทประกันที่มีอู่ที่มีมาตรฐานสูงแทนจะดีกว่า
สามารถประหยัดค่าเบี้ยได้พอสมควร
และอู่สมัยนี้มีการแข่งด้านคุณภาพให้ทัดเทียมกับห้างแล้ว
-การระบุชื่อ เนื่องจากขับคนเดียว หรือ สองคน จะประหยัดเบี้ยได้ 5-20%
ดูคนอายุน้อยเป็นหลัก ไม่แนะนำให้ระบุอายุต่ำกว่า 25ปี
เพราะได้ส่วนลดนิดเดียว แล้วถ้าเป็นคนอื่นไปขับเวลาชน
บริษัทจะเก็บค่าใช้จ่ายร่วม 8,000 บาทต่อครั้ง
(2,000บาทสำหรับการซ่อมรถคู่กรณี 6,000บาทสำหรับการซ่อมรถเรา)
อายุผู้ขับขี่ ส่วนลด (%) **
รหัส 110 และรหัส 210
อายุ 18 ถึง 24 ปี 5%
อายุ 25 ถึง 35 ปี 10%
อายุ 36 ถึง 50 ปี 15%
อายุเกิน 50 ปี 20%
-การทำประกันกลุ่มสำหรับครอบครัวใหญ่ และนามสกุลเดียวกัน โดยต้องมี 3
คันขึ้นไป ได้ส่วนลด 10% ตั้งแต่คันที่ 3
(แต่ส่วนใหญ่จะให้ส่วนลดประวัติดี+กลุ่มรวมกันไม่เกิน 30%)
-ค่าexcess หรือ deduct (ค่าเสียหายส่วนแรก)
โดยระบุเท่าไรก็จะได้ส่วนลดค่าเบี้ยเท่านั้น นิยมติดdeduct 2,000-5,000 บาท
โดยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายนี้สำหรับกรณีเป็นฝ่ายผิดเท่านั้น
(แต่ไม่แนะนำเพราะอุบัติเหตุเลือกเกิดไม่ได้)
จาก 3 ข้อนี้ ท่านก็สามารถเลือกซื้อประกันรถได้อย่างคุ้มค่าและมั่นใจได้แล้วครับ
ที่มา : การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ www. ancbroker.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น