วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พาเที่ยว วัดม่วง จ.อ่างทอง




หากได้มาเที่ยวที่จังหวัดอ่างทอง แล้ว ไม่ได้แวะเวียนไปที่อำเภอวิเศษชัยชาญ เพื่อสักการะ “หลวงพ่อใหญ่” ที่ “วัดม่วง” อาจ พูดได้ไม่เต็มปากว่าได้มาเยือนอ่างทองแล้ว เพราะที่แห่งนี้จัดได้ว่าเป็นแลนด์มากร์กที่สำคัญของจังหวัดเลยทีเดียว ดังนั้นวัตถุประสงค์หลักของเราในการออกเดินทางมายังจังหวัดอ่างทองในครั้ง นี้ก็คือ การมาเห็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วัดม่วงนั่นเอง


 สำหรับความเป็นมาของวัดม่วง นั้น สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซึ่งในสมัยนั้นเมืองวิเศษชัยชาญเคยเป็นเมืองหน้าด่านที่มีความเจริญ รุ่งเรืองมาก หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงวัดวาอาราม และพระพุทธรูปจำนวนมาก็ถูกเผาจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง ซึ่งวัดม่วงก็ถูกปล่อยให้รกร้างแต่นั้นมา จนเมื่อปี พ.ศ.2525 หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ได้ธุดงค์มาปักกรดบริเวณนี้ ตามนิมิตที่นิมนต์ให้ท่านมาบูรณะวัดม่วงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และในปี พ.ศ.2534 หลวงพ่อเกษมฯ ได้วางศิลาฤกษ์เพื่อก่อสร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีหน้าตักกว้าง 63 เมตร สูง 95 เมตร โดยให้พระนามอย่างเป็นทางการว่า “พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” แต่เช้าบ้างมักเรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อใหญ่” มากกว่า ซึ่งก่อนที่หลวงพ่อเกษมฯ จะมรณะภาพลง ท่านได้สั่งเสียศิษยานุศิษย์ให้ดำเนินการสร้างให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นพระมหากุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งการก่อสร้างได้สำเร็จลุล่วงในปีพ.ศ.2550 รวมเวลาในการสร้างทั้งหมด 16 ปี ด้วยงบประมาณทั้งสิ้น 131 ล้านบาท จากเงินบริจาคด้วยจิตศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งสิ้น

นอกจากองค์พระใหญ่แล้ว ในบริเวณวัดยังมีสิ่งอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เช่น วิหารด้านข้างที่ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันกร ที่มีความยิ่งใหญ่และสง่างามเป็นอย่างยิ่ง ถัดไปที่บริเวณใกล้เคียงกันจะเป็นที่ตั้งของ “วิหารแก้ว” ซึ่ง เป็นวิหารที่ใช้กระจกชิ้นเล็กๆ ประดับตกแต่งทั่วทั้งหลัง ทำให้วิหารแห่งนี้มีความวิจิตรงดงามตระการตายิ่งนัก ซึ่งภายในวิหารยังมีพระพุทธรูปเนื้อเงินแท้ประดิษฐานเป็นพระประธาน ด้านข้างรายรอบด้วยรูปหล่อทองเหลืองของพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ออกจากวิหารแก้วแล้วบริเวณสวนภายในวัดมีรูปปูนปั้นต่างๆ จัดแสดงไว้มากมาย ทั้งเรื่องราวของแดนนรก ที่จะบอกให้เราได้รู้ว่าถ้าทำบาปอะไรแล้วจะต้องได้รับกรรมอะไรบ้าง ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นการแฝงคติธรรมคำสอนเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ ตามความเชื่อทางพุทธศาสนา ให้เราได้ละอายต่อการทำบาป นอกจากนี้ยังมีรูปปูนปั้นของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไทย รวมไปถึงรูปปูนปั้นของตัวละครในวรรณคดี และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนสุดท้ายที่ห้ามพลาดนั่นก็คือ “อุโบสถ” ของวัดม่วงที่ถูกล้อมรอบไว้ด้วยกลีบดอกบัวขนาดยักษ์ ซึ่งจัดว่าเป็นอุโบสถที่ตั้งอยู่กลางดอกบัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริเวณภายในดอกบัวรอบๆ อุโบสถประดิษฐานรูปปั้นเหมือนของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจากทั่วประเทศ
จากกรุงเทพ ใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งหน้าสู่จังหวัดอ่างทอง  เมื่อเข้าตัวเมืองอ่างทองแล้วให้มุ่งหน้าไปทางอำเภอวิเศษชัยชาญ ตรงมาตามทางหลวงหมายเลข 3195 (อ่างทอง-สุพรรณบุรี) จะเห็นทางเข้าวัดอยู่ทางซ้ายมือ สามารถมองเห็นพระพุทธรูปแต่ไกล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น