บันทึกความทรงจำ การเดินทางท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์ การทำ SEO แหล่งความรู้ทุกแขนงถูกเก็บรวบรวมไว้ที่นี่ให้ทุกคนได้ศึกษา ได้เก็บเกี่ยวความรู้จากความทรงจำอันดีงาม ให้เช่าวัตถุมงคล พระเครื่อง พระบูชา รับตรงจากวัด แจกรูปฟรี
วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556
อยากรู้ไหม? ทำไมนักท่องเที่ยวจีนถึงมีนิสัยหยาบคาย!
หลายคนอาจมีความสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังลักษณะนิสัยของนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีนิสัยค่อนข้างหยาบคาย และไร้ระเบียบมากที่สุดชาติหนึ่งของโลก อะไรที่ทำให้พวกเขาเป็นเช่นนั้น
หากใครที่เคยไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แล้วเจอนักท่องเที่ยวชาวจีน หลายคนคงจะมีความรู้สึกและคิดคล้ายๆกันว่า ทำไมนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ถึงชอบเสียงดัง ทำตัวไม่สุภาพ ไม่ค่อยอยู่ในกฎระเบียบเท่าไหร่ อีกทั้งบางคนยังมีนิสัยก้าวร้าวอีกต่างหาก และที่สำคัญนักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่ จะมีนิสัยคล้ายๆกันหมด ทำให้ไม่ว่าเราจะเดินทางไปยังที่ใดในโลก ก็จะเจอกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีนิสัยแบบนี้ แม้ว่าในระยะหลังจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนกระเป๋าหนักที่เดินทางไปช้อปปิ้งในแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของโลก ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส หรืออังกฤษ แต่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ กลับมีพฤติกรรมที่ไม่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวชาวจีนคนอื่นๆเท่าไหร่นัก จนหลายคนสงสัยว่า เหตุใด นักท่องเที่ยวจีน จึงมีพฤติกรรมแบบนี้ และสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมเหล่านี้คืออะไรกันแน่
ยง เฉิน นักวิจัยด้านการท่องเที่ยว จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง โพลีเทคนิค อธิบายเบื้องหลังของพฤติกรรมอันหยาบคายของนักท่องเที่ยวจีนอย่างง่ายๆว่า พวกเขาไม่ได้พยายามทำตัวหยาบคาย แต่พวกเขาแค่เป็นตัวของตัวเอง และนี่แหละคือชาวจีน
แต่หากอธิบายตามหลักวิชาการแล้ว มีอยู่ 3 เหตุผลใหญ่ๆที่สามารถอธิบายพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีนได้เป็นอย่างดี
ข้อแรกคือ ระดับการศึกษา // เฉิน เล่าว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีการศึกษา จะไม่หยาบคายเท่ากับพวกที่การศึกษาน้อยกว่า ซึ่งนี่เป็นตัวชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนวัยกลางคน ไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ไม่ได้รับการศึกษาในระดับสูงมากนัก เนื่องจากช่วงนั้น จีนเผชิญกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ จึงมักมีพฤติกรรมที่หยาบคายมากกว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่
ซึ่งตัวอย่างเหตุการณ์ที่เห็นได้ชัดว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ คือเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มหนึ่ง ไปแจ้งความตำรวจฮ่องกง ว่าบริษัททัวร์ทิ้งให้พวกเขารอบนรถบัส นานกว่า 2 ชั่วโมง พร้อมเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 3,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 12,000 บาท แต่ในภายหลัง บริษัททัวร์ได้นำหลักฐานมายืนยันว่า รถทัวร์คันดังกล่าวมีปัญหา จึงต้องจอดซ่อม ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็ทราบเป็นอย่างดี
เหตุผลที่ 2 มาจากเจนนี หวัง ตัวแทนจากบริษัทท่องเที่ยวมัลดีฟส์ ประจำกรุงปักกิ่ง ที่อธิบายพฤติกรรมหยาบคายของนักท่องเที่ยวจีนว่า เป็นเพราะพวกเขาไม่ยอมเชื่อฟัง และปฏิบัติตามธรรมเนียม ของสถานที่ที่พวกเขาไปเยือน พร้อมกับยกตัวอย่างว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มหนึ่งไปท่องเที่ยวที่มัลดีฟส์ แล้วพบว่า ร้านอาหารที่พวกเขาต้องการเข้าไปรับประทานนั้น ถูกจองจนเต็มหมดแล้ว นักท่องเที่ยวคนนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงตะโกนข่มขู่พนักงานในร้านอาหาร และกล่าวต่อว่าด้วยถ้อยคำที่ไม่ไพเราะเท่าไหร่นัก จนพนักงานคนนั้นร้องไห้
อีกสิ่งหนึ่งที่ชาวต่างชาติไม่ค่อยปลื้มนักท่องเที่ยวชาวจีนเท่าไหร่นัก ก็คือการที่พวกเขา ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติโดยเฉพาะการจ่ายทิปให้กับพนักงาน หรือผู้ที่มาบริการพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่จ่ายทิป หรือถ้าจ่ายก็จ่ายน้อยมาก จนทำให้หลายคนเอือมระอาไปตามๆกัน
เหตุผลที่ 3 เป็นเรื่องของการไม่เคารพกฎหมายหรือรักษากฎระเบียบของสถานที่ที่พวกเขาไปเยือน เช่น ทิ้งขยะในที่ห้ามทิ้ง ตะโกนเสียงดังโวยวายในที่ที่ห้ามใช้เสียง หรือไม่ยอมต่อแถวเวลาซื้ออาหาร หรือใช้บริการรถสาธารณะ เป็นต้น ตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเกาหลี จดจำพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนได้เป็นอย่างดี ก็คือ กรณีของมหาวิทยาลัยหญิงอีฮวา มหาวิทยาลัยหญิงอันดับหนึ่งของประเทศ และยังเป็นมหาวิทยาลัยหญิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ตั้งอยู่ในกรุงโซลของเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันขึ้นชื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงโซล เนื่องจากความสวยงามของภูมิทัศน์โดยรอบมหาวิทยาลัย และยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์อีกหลายเรื่องอีกด้วย
โดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอีฮวา ได้ออกมาร้องเรียนว่า นักท่องเที่ยวชาวจีน ได้ส่งเสียงดัง และละเมิดกฎข้อบังคับของมหาวิทยาลัยหลายประการ เช่นการถ่ายรูปในห้องสมุด ซึ่งเป็นสถานที่ที่ห้ามถ่ายรูป และห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเสียด้วยซ้ำ อีกทั้ง นักท่องเที่ยวชาวจีนบางคน ยังเดินเข้าไปในเขตหวงห้าม ที่สงวนเอาไว้เฉพาะนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยอีกด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ หนักข้อขึ้นทั้งวัน จนกระทั่งทางมหาวิทยาลัยต้องจัดทำป้ายคำสั่งห้ามในลักษณะต่างๆออกมา ซึ่งมีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน และหวังว่า นักท่องเที่ยวจีนจะยอมฟังคำสั่งบ้าง
หลายฝ่ายคาดหวังว่า ในอนาคต นักท่องเที่ยวจีนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ จะปรับปรุงตัว และกลายเป็นนักท่องเที่ยวที่น่ารักในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเจนนี หวัง แล้ว เธอกลับมองว่า ยังคงต้องอาศัยระยะเวลาอีกนาน กว่าที่นักท่องเที่ยวชาวจีน จะยอมปรับตัว และเคารพในสิ่งที่คนอื่นเป็น
ป้ายกำกับ:
ไลฟ์สไตล์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น