วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พระที่นักลองของไม่กล้าลองเหรียญหลวงปู่พระมหาเจิม วัดสระมงคล จ.นครปฐม


"พุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พ.ศ.๒๔๖๐ เหรียญพระพุทธโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา พ.ศ.๒๔๖๐ เหรียญพระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. พ.ศ.๒๔๔๐ เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม จ.เพชรบุรี พ.ศ.๒๔๖๕ เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ศ.๒๔๖๙ เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี ๒๕๐๐ และเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม"

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของเหรียญพระพุทธ และเหรียญพระคณาจารย์ ที่ขึ้นชื่อว่ามีพุทธคุณเด่นด้านแคล้วคลาด คงกระพัน และเมตตามหานิยม ของคนในวงการพระเครื่องที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุที่ว่า "ผู้นำไปใช้แล้วมีประสบการณ์ จากนั้นก็เล่าสืบต่อกันมาจนในที่สุดกลายเป็นความเชื่อของคนวงการพระเครื่องไปโดยปริยาย"

อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่เหรียญพระพุทธ และเหรียญพระคณาจารย์ ที่ขึ้นชื่อว่ามีพุทธคุณเด่นด้านแคล้วคลาด และคงกระพัน ของเก่านั้นมีราคาแพงมาก หลายเหรียญขึ้นไปหลักล้าน ที่ถูกหน่อยก็อยู่ในหลักแสน จึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่มีเงินน้อยจะเช่าหาเหรียญดังกล่าว แต่ใช่ว่าจะหมดความพยายาม และวิธีการหนึ่งที่ว่าเป็นทางลัดสำหรับการหาพระเครื่องและวัตถุมงคลที่พุทธคุณเด่นด้านแคล้วคลาด คงกระพัน คือ “การลองของด้วยการใช้ปืนยิงไปที่พระเครื่องและวัตถุมงคล” ส่วนเหตุผลยอดฮิตของการลองของคือ “ความยากรู้และอยากทดสอบพุทธคุณเพื่อความมั่นใจหากนำไปใช้”

สำหรับการลองของด้วยการใช้ปืนยิงไปที่องค์พระ หรือวัตถุมงคล ส่วนใหญ่จะทดลองยิงกันเฉพาะบุคคล และเป็นข่าวรู้กันในหมู่ของนักลองของเท่านั้น แต่ที่ หมู่ ๒ ต.บางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม มีการรวมกลุ่มของนักลองของอย่างเป็นเรื่องราวนับสิบคน จัดสนามลองของโดยใช้บ่อปลาหลังบ้าน ซึ่งเป็นที่โล่งแจ้งปลอดผู้คน โดยมีการลองกันทุกสัปดาห์ ชนิดที่เรียกว่า “ใครมีของดีใครมีของแน่ พระเครื่องและเหรียญเกจิใดขึ้นชื่อว่าเหนียว ต้องเจอยิงทุกเหรียญ”

นายสม พิงสีกัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๒ ต.บางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม หรือ ที่ลูกบ้านเรียกว่า ผู้ใหญ่นงค์ บอกว่า เพราะความอยากรู้และคนอยากเห็น การลองของจึงเกิดขึ้น การลองทดสอบพุทธคุณองค์พระมีมานาน ทั้งนี้ก่อนการทดสอบพุทธคุณด้วยการยิงทุกครั้ง สิ่งหนึ่งที่นักลองของปฏิบัติยึดเป็นธรรมเนียมประเพณี คือ มีธูป เทียน และดอกไม้ เพื่อจุดอธิษฐานอาราธนาชมพุทธคุณและบารมี ขณะเดียวกันผู้ที่ลองยิงนั้นจะหันไปในทิศที่วัดนั้นๆ ตั้งอยู่ พร้อมกับตั้ง นะ โม ๓ จบ พร้อมกับอธิษฐานจิตว่า “การลองยิงในครั้งนี้ไม่ใช่การลบหลู่ใดๆ ทั้งสิ้น หากเป็นการขอชมอำนาจบารมี และพลังแห่งพุทธคุณเท่านั้น”

“เคล็ดอย่างหนึ่งของมือปืนที่มีความเชื่อสืบต่อกันมามีอยู่ ๒ ข้อ คือ ๑.ปืนถ้าจะยิงให้ออกหรือยิงให้เข้า คือปืนที่มีชื่อนำหน้าว่า ลูก เช่น ปืนลูกซอง ปืนลูกกรด ๒.ต้องถอดรองเท้า โดยระหว่างยิงต้องยืนอยู่พื้นดิน โดยให้อธิษฐานจิตว่า ขอให้ยิงออก ฝังพื้นพระแม่ธรณี หรือจมดิน หากพระเกจิที่ปลุกเสกวัตถุมงคลไม่เก่งและไม่เหนียวจริง ปืนจะยิงทะลุเหรียญ ที่ผ่านมาได้ลองยิงพระมาหลายร้อยเหรียญ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยิงไม่เข้า ซึ่งเป็นเรื่องแปลกว่า เหรียญที่ทำจากโลหะชนิดเดียวกัน แต่สร้างโดยเกจิต่างองค์กัน บางเหรียญยิงทะลุ บางเหรียญกลับยิงไม่ทะลุ และที่ยิ่งกว่านั้นคือ ภาพถ่ายของพระที่เป็นกระดาษ หรือ ผ้ายันต์ กลับใช้ปืนยิงไม่ทะลุ” ผู้ใหญ่นงค์กล่าว

พร้อมกันนี้ ผู้ใหญ่นงค์ยังบอกด้วยว่า พระเครื่องและวัตถุมงคลที่ยิงออกนับวัดและจำนวนไม่ถ้วน ที่ยิงไม่ออกก็มีอยู่ไม่น้อย ครั้งหนึ่งเคยมีคนนำ เหรียญหลวงปู่พระมหาเจิม ปัญญาพโล ประธานสงฆ์จังหวัดนครปฐม มาให้ลองยิง คิดว่าต้องยิงเข้า แต่ที่ไหนได้เหรียญที่ตั้งไว้กับโฟมไม่ล้ม และลูีกปืนกลับไม่ระคายผิวองค์พระแม้แต่น้อย หลังจากออกมาจากจุดลองของ อยู่ๆ เป็นอัมพาตไปครึ่งตัว ใช้เวลาหลายวันจึงหายเป็นปกติ จากนั้นเป็นต้นมาก็มีเรื่องเล่าของผู้ที่เอาเหรียญพระมหาเจิมไปลอง เหรียญยิงไม่เข้า หรือปืนยิงไม่ออก แต่ผู้ยิงต้องมีอันเป็นไปต่างๆ นานา จากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครกล้าลองเหรียญลบหลู่ปู่มหาเจิมอีกเลย

ข้อคิดจากดาบสุธี

ในบรรดานักลองของนักทดสอบพุทธคุณของพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง ที่เลื่องชื่อของ จ.นครปฐม ต้องยกให้ ด.ต.สุธี เสรีเผ่าวงษ์ ตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ อำนวยการตำรวจภูธรภาค ๗ (ผบ.หมู่ อ.ก.บก.๗) หรือเจ้าของฉายา “ดาบธี ภาค ๗” ที่ผ่านมาเขาได้นำพระเครื่อง เครื่องรางของขลังของพระเกจิอาจารย์วัดและสำนักต่างๆ มาทดสอบนับจำนวนไม่ถ้วน โดยลองมาทุกวัด ทุกสำนัก เรียกว่าเกือบทุกอย่างก็ว่าได้ เหตุผลหนึ่งของการลองของ เพราะอยากรู้ว่าพระที่ได้มาซึ่งเป็นสมบัติตกทอดมาจากพ่อเป็นพระเก๊หรือพระแท้กันแน่ เพราะเซียนหลายคนดูบอกว่าเป็นพระเก๊ แต่ตัวเองไม่เชื่อ ดังนั้นต้องยิงเพื่อพิสูจน์พุทธคุณ ครั้งนั้นหลังจากอาราธนาของพุทธคุณแล้วใช้ปืนขนาด ๒๑ มม. ยิงระยะเผาขน ซึ่งอย่างไรก็ต้องโดนองค์พระ ปรากฏว่าองค์พระไม่เป็นอะไรเลย ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าเป็นพระแท้

“พุทธคุณของพระเก่า พระกรุ เรื่องเหนียว คงกระพัน และแคล้วคลาด เป็นเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมาจนกลายเป็นความเชื่อ ในขณะที่พุทธคุณพระใหม่ไม่จำเป็นต้องอาศัยเรื่องเล่า เหนียวไม่เหนียว เป็นมหาอุดหรือไม่เป็นมหาอุด เราสามารถทดสอบได้ตัวเอง แค่วางเหรียญลงแล้วใช้ปืนจ่อยิงไปที่เหรียญรู้กันทันที ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าคนเล่นพระ คนแขวนพระอยากได้พระที่มีพุทธคุณทางมหาอุดกันทั้งนั้น” นี่คือการทดสอบพุทธคุณในองค์พระของ ดาบธี ภาค ๗

คำร่ำลือเรื่องพุทธคุณของ เหรียญหลวงปู่พระมหาเจิม นั้น ดาบธี ภาค ๗ บอกว่า มีผู้ต้องหาหลายราย โดยเฉพาะผู้ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทสุดท้ายจบด้วยการใช้อาวุธปืนยิงกัน เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ผู้ต้องหาที่ถูกยิงหลายรายเสื้อมีรอยทะลุจากลูกกระสุนแต่ผิวหนังไม่เป็นไร ซึ่งมีเรื่องเล่าจากตำรวจในพื้นที่หลาย สน. ด้วยกิตติศัพท์คำล่ำรือดังกล่าว นักลองของจึงนำไปลองยิง ที่ยิงไม่ออกนั้นไม่เท่าไร แต่ผู้ที่ลองยิงส่วนใหญ่มีอันเป็นไป ต้องรีบจุดดอกไม้ธูปเทียนขอขมาหลวงปู่พระมหาเจิม ทุกวันนี้นักลองของจะไม่กล้าลองยิงเหรียญหลวงปู่พระมหาเจิม ปญฺญาพโล .

ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น