วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หลวงพ่อจวน สุจิตโต พระเกจิชื่อดังเมืองสิงห์


"หลวงพ่อจวน สุจิตโต" หรือ "พระครูสุจิตตานุรักษ์" แห่งวัดหนองสุ่ม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่มีลูกศิษย์ลูกหาเลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก

เป็นพระเถราจารย์ที่มีจริยาวัตรที่น่าเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง มีบุคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและสมถะ

วัดหนองสุ่ม ในอดีตอยู่ในท้องที่ ต.ห้วยชัน อ.อินทร์บุรี แต่ก่อนเป็นชุมชนล้าหลัง ชุกชุมด้วยโจรผู้ร้าย ชาวบ้านหาที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ได้ จากสภาพท้องที่กันดาร การคมนาคมไม่สะดวก ไม่มีถนน ไม่มีการติดต่อที่สะดวกสบาย ชาวบ้านต้องช่วยเหลือปกป้องตัวเองตามมีตามเกิด

ณ ที่แห่งนี้เอง หลวงพ่อจวน ถือกำเนิด เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2458 ที่ ต.ห้วยชัน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ด้วยฐานะยากจน พ่อแม่สิ้นชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ ได้เรียนหนังสือจบแค่ชั้นประถมศึกษา

พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ลี ธมมฺธโร)


พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์(31 มกราคม พ.ศ. 2449 —26 เมษายน พ.ศ. 2504) ท่านเป็นพระนักวิปัสสนากรรมฐานสายหลวงปู่มั่นที่สำคัญยิ่งใน ประเทศไทย ซึ่งเป็นศิษย์ที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต โปรดปรานมากที่สุด และท่านเป็นผู้ที่ริเริ่มสร้างวัดอโศการาม จังหวัด สมุทรปราการ ให้เป็นวัดกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นวัดแรกในเมืองหลวง และเพราะจากจุดเริ่มต้นที่ท่านเริ่มต้นนี้เอง ที่ทำให้ชาวเมืองหลวงได้รู้จักการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสายพระป่าเป็นครั้งแรก

และท่านนี้เอง เป็นผู้ที่ได้ริเริ่มการจัดงานฉลองอันยิ่งใหญ่ในสายพระป่ากรรมฐาน คือ งานฉลองกึ่งพุทธกาล25 พุทธศตวรรษ วัดอโศการามได้อย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีที่เมืองไทยเป็นเมืองพระพุทธศาสนา เพื่อให้ประชาชนทุกคนมาร่วมในงานบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ในงานนี้มีคณะพระป่ากรรมฐานมาในงานนี้กันมากมาย เช่น หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นต้น

พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร


 พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีกุน ตรงกับวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๔๔๒ ที่บ้านม่วงไข่ ตำบลพรรณา อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ในตระกูล “สุวรรณรงค์” เจ้าเมืองพรรณานิคม

บิดาของท่านคือ เจ้าไชยกุมมาร (เม้า) ผู้เป็นหลานปู่ของ พระเสนาณรงค์ (นวล) และหลานอาของ พระเสนาณรงค์ (สุวรรณ์) เจ้าเมืองพรรณานิคมคนที่ ๒ และที่ ๔ ตามลำดับ

มารดาของท่านชื่อ นุ้ย เป็นบุตรีของหลวงประชานุรักษ์

พี่น้องร่วมบิดามารดา มีอยู่ทั้งหมด ๘ คน ถึงแก่กรรมแต่ยังเล็ก ๒ คน ส่วนอีก ๖ คน ได้แก่

๑. นางกองแก้ว อุปพงศ์
๒. ท้าวกุล
๓. นางเฟื้อง
๔. พระอาจารย์ฝั้น
๕. ท้าวคำพัน
๖. นางคำผัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกคนสู่สุคติภพไปสิ้นแล้ว ยังเหลือแต่ลูกหลานที่สืบสกุลอยู่ทุกวันนี้เท่านั้น

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ขอเชิญประกวดถ่ายภาพหัวข้อเยือนชุมชนคนทำเทียน ปี 2556


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี ขอเชิญประกวดถ่ายภาพหัวข้อ "เยือนชุมชนคนทำเทียน" งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา ประจำปี 2556 โดยประกวดถ่ายภาพจะมีการจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 13-14 กรกฏาคม 2556 ชิงเงินสดกว่า 50,000 บาท

        ตารางกิจกรรม และ กิจกรรมการประกวดภาพถ่าย

        เงื่อนไขและกติกาในการประกวดภาพถ่าย

        - การประกวด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

        1. ภาพเยือนชุมชนคนทำเทียน ประเภทติดพิมพ์

        1.1 รางวัลชนะเลิศ โล่เกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 10,000บาท
        1.2 รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 เงินรางวัล 8,000บาท
        1.3 รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 เงินรางวัล 7,000บาท

        2. ภาพเยือนชุมชนคนทำเทียน ประเภทแกะสลัก

        2.1 รางวัลชนะเลิศ โล่เกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 10,000บาท
        2.2 รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 เงินรางวัล 8,000บาท
        2.3 รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 เงินรางวัล 7,000บาท

10 อันดับ สถานที่สำคัญยอดนิยม ปี 2013

 ทริปแอดไวเซอร์ เว็บไซต์ท่องเที่ยวรายใหญ่ของโลก ประกาศรายชื่อสถานที่น่าสนใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัล Travellers’Choice Attractions โดยได้คะแนนสูงสุดจากนักเดินทางที่เข้ามาเขียนบทวิจารณ์และแสดงความคิดเห็นกว่า 1 ล้านรายการ ซึ่งมีเกณฑ์มาจากคุณภาพและจำนวนบทวิจารณ์ตลอดจนความเห็นของนักท่องเที่ยวที่มีต่อสถานที่ต่างๆ ของแต่ละประเภทบนเว็บไซต์

        สำหรับการจัดอันดับสถานที่สำคัญที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกในปี 2013 นี้ อันดับ 1 คือ มาชู ปิกชู เมืองสาบสูญแห่งอินคา ส่วนอันดีบ 2 คือ นครวัด สิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก และอันดับ 3 คือ ทัชมาฮาล สุสานหินอ่อนที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลกนั่นเองค่ะ

        10 อันดับ สถานที่สำคัญยอดนิยม ปี 2013


       อันดับที่ 1. มาชู ปิกชู (Machu Picchu) หรือ เมืองสาบสูญแห่งอินคา ซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในประเทศเปรู ที่ความสูงประมาณ 2,350 เมตร

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท)


พระอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจันโท) เดิมท่านเป็นคนชาวอุบลราชธานีโดยกำเนิดท่านชื่อ จันทร์ สุภสร บิดาชื่อ สอน มารดาชื่อ แก้ว นามสกุล สุภสรท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๗ คน ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ เป็นบุตรคนโต (หัวปี) ท่านเกิดเมื่อเดือน ๔ แรม ๒ ค่ำ วันศุกร์ ปีมะโรง เวลา ๒๓.๐๐ น. ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๙๘ ที่บ้านหนองไหล ตำบลหนองไหล อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี พื้นเพของครอบครัวเป็นชาวนาเป็นฐานของชีวิต ท่านเจ้าคุณอุบาลี เป็นเด็กที่มีความคิดพิจารณามาแต่อายุ ๗ ขวบ

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส


สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาแพ ธรรมสโรช ประสูติ เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2403 ในวันที่พระองค์ประสูตินั้นฝนตกหนักมากราวกับฟ้ารั่ว เหมือนพญานาคให้น้ำบริเวณกรุงเทพ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัวได้ทรงตรวจดวงพระชะตากำเนิดแล้ว จะคงทรงล่วงรู้ถึงกาลอนาคตว่าพระราชโอรสพระองค์นี้ จะต้องได้เป็นใหญ่ในสังฆมณฑล จึงพระราชทานนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ต่อมา เจ้าจอมมารดาแพเสียชีวิตลง ในขณะที่พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพมีพระชนม์มายุเพียง 1 พรรษา ภาระจึงตกอยู่ที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสรฐสุดา ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้า เมื่อทรงเจริญวัยทรงพระดำเนินได้ รับสั่งได้คล่องแคล่ว จึงเสด็จพำนักอยู่กับท้าวทรงกันดาร (ศรี) ซึ่งเป็นยายแท้ ๆ

พระครูวิเวกพุทธกิจ (เสาร์ กนฺตสีโล)


พระครูวิเวกพุทธกิจ (เสาร์ กนฺตสีโล) (2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2402 - 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484) เป็นพระภิกษุนักวิปัสสนากรรมฐานในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท คณะธรรมยุติกนิกาย ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ท่านเป็นอาจารย์ของพระครูวินัยธรมั่น ภูริทฺตโต (หลวงปู่มั่น) ซึ่งเป็นพระนักวิปัสสนากรรมฐานที่สำคัญอีกท่านหนึ่งของประเทศไทย ศิษยานุศิษย์นักวิปัสสนากรรมฐานสายวัดป่าต่างให้ความนับถือว่าท่านเป็นบูรพาจารย์แห่งสายวิปัสสนากรรมฐาน

พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)


ชื่อเดิมคือ "มั่น แก่นแก้ว" ท่านเกิดที่บ้านคำบง อำเภอโขงเจียม (ปัจจุบันคือ อำเภอศรีเมืองใหม่) จังหวัดอุบลราชธานี เป็นบุตรของนายด้วง และนางจันทร์ แก่นแก้ว และได้อุปสมบทในธรรมยุติกนิกายเมื่ออายุ 22 ปี ในปี พ.ศ. 2436 ณ วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2436 โดยมีพระอริยกวีเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสีทา ชยเสโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประจักษ์อุบลคุณเป็นพระอนุสาวนาจารย์

ก่อนหน้านี้หลวงปู่มั่นได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 15 ปี ณ วัดบ้านคำบง เมื่อบวชได้ 2 ปี บิดาขอร้องให้ลาสิกขาเพื่อช่วยการงานทางบ้าน จิตท่านยังหวนคิดถึงร่มผ้ากาสาวพัสตร์อยู่เนืองนิจ เพราะติดใจในคำสั่งของยายว่า "เจ้าต้องบวชให้ยาย เพราะยายก็ได้เลี้ยงเจ้ายากนัก" ครั้นอายุได้ 22 ปีจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ และได้เข้าฝึกปฏิบัติธรรม ในสำนักวิปัสสนากับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ณ วัดเลียบ จ.อุบลราชธานีจนกระทั่งท่านได้ออกจาริกเดินธุดงค์ตามสถานที่ต่างๆ เมื่อออกพรรษา แล้วไปศึกษาธรรมะจากพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) แห่งวัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานคร แล้วออกจาริกไปอีกหลายที่หลายแห่ง จนกระทั่งถึงที่ถ้ำไผ่ขวาง น้ำตกเขาสาริกา จ.นครนายก

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พระที่นักลองของไม่กล้าลองเหรียญหลวงปู่พระมหาเจิม วัดสระมงคล จ.นครปฐม


"พุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พ.ศ.๒๔๖๐ เหรียญพระพุทธโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา พ.ศ.๒๔๖๐ เหรียญพระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. พ.ศ.๒๔๔๐ เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม จ.เพชรบุรี พ.ศ.๒๔๖๕ เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ศ.๒๔๖๙ เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี ๒๕๐๐ และเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม"

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของเหรียญพระพุทธ และเหรียญพระคณาจารย์ ที่ขึ้นชื่อว่ามีพุทธคุณเด่นด้านแคล้วคลาด คงกระพัน และเมตตามหานิยม ของคนในวงการพระเครื่องที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุที่ว่า "ผู้นำไปใช้แล้วมีประสบการณ์ จากนั้นก็เล่าสืบต่อกันมาจนในที่สุดกลายเป็นความเชื่อของคนวงการพระเครื่องไปโดยปริยาย"

หลวงปู่มหาเจิม ปัญญาภโร


หลวงปู่มหาเจิม นามเดิมว่า เจิม วรรณโมฬี
เกิดที่บ้านหนองแหน ต.เมืองใหม่ อ.พนมสารคาม(ปัจจุบันเป็น อ.ราชสาสน์) จ.ฉะเชิงเทรา
เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
บิดามีนามว่า นายหรุ่น วรรณโมฬี มารดามีนามว่า นางม้วน วรรณโมฬี
มีพี่น้องทั้งหมด ๖ คน เป็นผู้ชาย ๔ คน ผู้หญิง ๒ คน ได้เสียชีวิตแล้วทั้งหมด ๕ คน
ที่มีชีวิตอยู่ปัจจุบันเหลือหลวงปู่เพียงองค์เดียว

การศึกษาของหลวงปู่ในวัยเด็กต้องศึกษากับวัดที่อยู่ใกล้บ้าน
โดยเรียนหนังสือมูลบทบรรพกิจของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)
พออ่านออกเขียนได้เท่านั้น เพราะยังไม่มีโรงเรียนประชาบาลตั้งอยู่ในวัดสมัยนั้น
และยังต้องย้ายออกจากบ้าน ห่างจากบิดามารดาและญาติพี่น้องมาอยู่ที่วัดตั้งแต่อายุประมาณ ๘ ขวบ

ทำไมมนุษย์เกิดมาไม่เหมือนกัน


ทำไม ?คนเราต้องเกิด เกิดมาเพื่ออะไร ? ปัญหาเช่นนี้นอกจากเราจะมาพิจารณาด้วยเหตุและผลแล้ว ยังต้องลงมือปฏิบัติในหลักการหรือเหตุผลนั้น ๆ ด้วย ทำนองเดียวกับการใช้ปัญญาหาเหตุผลของสรรพสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย แต่เหตุผลของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์เป็นวิทยาศาสตร์อยู่ในตัวเสร็จ คือมีทั้งเหตุมีทั้งผลและพร้อมที่ท้าพิสูจน์ได้ทุกเมื่อ ทุกโอกาส เช่นการนั่งสมาธิแล้วเกิดมีญาณหยั่งรู้ เหล่าสัตว์ที่เป็นอทิสมานกาย เช่น ภูติ ผี ปีศาจหรือสัตว์นรก เป็นต้น ถ้ายังไม่ลงมือปฏิบัติให้ถูกหลักเกณฑ์ตามหลักที่ทรงวางไว้แล้วด่วนปฏิเสธว่า สิ่งดังกล่าวไม่มีไม่ได้ พระพุทธเจ้าพระองค์รู้ดีกว่าใคร ๆ ทั่วไตรโลกธาตุ จึงประมวลเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ทั้งหลายว่าเกิดจากอะไร อะไรเป็นต้นเหตุ ?แล้วจะหาหนทางดับเหตุแห่งความทุกข์เดือดร้อนมันได้อย่างไร ? นี้เป็นสิ่งที่มวลพุทธบริษัทจะต้องใคร่คิดพิจารณา

150 ปี วันประสูติ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์


สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ "สมเด็จครู นายช่างใหญ่แห่งสยาม" ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงพรรณราย ประสูติเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2406 พระนามเดิม "พระองค์เจ้าจิตรเจริญ"

สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงรับราชการหลายตำแหน่งทั้งด้านการช่าง การทหาร และการบริหาร กล่าวคือ หลังจากการทรงศึกษาเบื้องต้นโดยทรงศึกษาภาษาไทย ภาษามคธ และภาษาเขมร แล้วทรงผนวชสามเณรอยู่หนึ่งพรรษาและเมื่อมีพระชนมายุครบผนวช โปรดให้ทำพิธีผนวช จำพรรษาที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อพุทธศักราช 2427

การรับราชการนั้นได้ทรงรับราชการเป็นนักเรียนนายร้อยในกรมทหารมหาดเล็ก เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาแล้วทรงรับราชการเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและแสดงถึงพระปรีชาสามารถมากดังปรากฏพระเกียรติคุณเป็นอย่างยิ่ง เริ่มจากทรงรับราชการเป็นนายทหารมหาดเล็ก แล้วเลื่อนเป็นราชองครักษ์ในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เสนาบดีกระทรวงวัง จนถึงพุทธศักราช 2452 ทรงลาออกจากราชการเนื่องจากประชวรด้วยโรคพระหทัยโต แต่ก็มิได้ทรงละทิ้งงานเสียทั้งหมด ทรงปฏิบัติงานช่างอยู่เสมอ และทรงรับเป็นกรรมการฝ่ายต่างๆ เช่น กรรมการสภาการคลัง กรรมการตรวจแก้ร่างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ งานของหอพระสมุดและวรรณคดีสโมสร

คาดค่าบาทสัปดาห์หน้าแตะ30.95-31.30บาท/ดอลลาร์


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด แนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 24-28 มิถุนายน อาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.95-31.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยคงต้องจับตาการเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ยอดขายบ้านใหม่, ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคลเดือนพฤษภาคม, ดัชนีราคาบ้านเดือนเมษายน, จีดีพีไตรมาส 1/2556 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดอาจจับตาข้อมูลการส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนพฤษภาคมของไทยด้วยเช่นกัน

ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทย มองว่า มีโอกาสฟื้นตัวขึ้น หลังปรับร่วงลง จากการปรับพอร์ทการลงทุนของต่างชาติ หลัง เฟด ส่งสัญญาณปรับลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ในช่วงปลายปี โดยบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ให้แนวรับไว้ที่ 1,380 และ 1,354 จุด แนวต้าน 1,460 และ 1,470 จุด

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พระอินท์ตวายโลก



พระอินท์ตวายโลก : อักษรธรรมล้านนา 
เจื้อพระอินทร์เต๊อะหมู่เฮา มันเป๋นกำทำนายตี้เป๋นจริงแน่นอ­น
เป็นคำทำนายที่นำเอามาทำเป็นเพลงเพื่อให้ผู้คนได้มีสำนึก  จากคำทายนี้นับวันก็ยิ่งเป็นจริงขึ้นทุกวัน  ก่อนที่โลกจะถึงวิกฤตจะต้องสอนให้ผู้คนได้รักโลกรักเพื่อนพ้องพี่น้อง  รู้จักกตัญญูอก่ผู้มีคน  ลองฟังแล้วนำไปคิดวเคราะห์นะครับ

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เส้นทางท่องเที่ยว 356 วัน อัศจรรย์แห่งขุนเขา ไหว้พระ 9 วัด


นางนฤมล ปาลวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นายสุทธา สายวาณิชย์ รองผู้ว่าฯ นายกิตติพันธุ์ โรจนชีวะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัด พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายปกรณ์ จีนาคำ นากยกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ได้ร่วมกันทำพิธีเปิดเส้นทางท่องเที่ยวไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัว เมืองแม่ฮ่องสอน

        โดยมีรถรางมาเปิดให้บริการเป็นวันแรก และจะมีไปจนถึงวันที่ 25 มิถุนายน นี้ ทั้งนี้เป็นไปตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน และเป็นกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเมืองสามหมอก ใต้ร่มพระบารมี 365 วัน อัศจรรย์แห่งขุนเขา เที่ยวแม่ฮ่องสอนได้ตลอดปี

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ขอเชิญทุกท่านร่วมงานแห่เทียนโคราช ประจำปี 2556


จังหวัดนครราชสีมา และ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จัดงานโดยเทศบาลนครนครราชสีมา กำหนดจัด งานแห่เทียนโคราช ประจำปี ๒๕๕๖ ว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดนครราชสีมา ที่ได้สร้างงานบุญที่ยิ่งใหญ่เป็นปีที่ ๖ ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง วันที่ ๒๐ – ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ บริเวณสวนเมืองทอง สวนสุรนารี , สวนอนุสรณ์สถานฯ และลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

        สำหรับการประกวดต้นเทียนพรรษา ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศเป็นประจำทุกปี ต้นเทียนพรรษา จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมชมความงดงามอลังการของต้นเทียนพรรษา ซึ่งแต่ละต้นล้วนเกิดจากความเพียรพยายามของช่างเทียนที่มีความชำนาญ สร้างและแกะสลักต้นเทียนอันวิจิตรงดงาม กล่าวได้ว่าฝีมือของช่างเทียนโคราชนั้นไม่แพ้ใคร

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เทศกาลกินกุ้ง กินปลา เจ้าพระยาชัยนาท ประจำปี 2556


จังหวัดชัยนาทร่วมกับประมงจังหวัดชัยนาท จัดงาน “เทศกาลกินกุ้ง กินปลา เจ้าพระยาชัยนาท” ประจำปี 2556 ในระหว่างวันที่ 12– 16 มิถุนายน 2556 ณ บริเวณเขื่อนเรียงหิน ศาลากลางจังหวัดชัยนาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดชัยนาท

จังหวัดชัยนาท ตั้งอยู่ด้านฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นจังหวัดที่มีอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญอีกจังหวัดหนึ่ง มีเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเขื่อนแห่งแรกของประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ จังหวัดชัยนาท จึงได้กำหนดจัดงานดังกล่าวขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดชัยนาท

สำหรับการจัดกิจกรรม ประกอบด้วย ชมขบวนแห่เรือที่สวยงาม จำนวน 30 – 40 ลำ การแข่งขันตกกุ้ง ตกปลา การประกอบเมนูอาหารปลา การจับปลามหาสนุก การทอดแหวิบาก การจำหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ การจำหน่ายสินค้า OTOP และอาหารพื้นบ้าน ฯลฯ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  สำนักงานประมงจังหวัดชัยนาท โทร. 056 – 411301, 089 – 4574790

กรมอุทยานฯ ประกาศปิดพื้นที่ท่องเที่ยวในอุทยานฯบางพื้นที่



กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกาศ ปิดพื้นที่ท่องเที่ยวในอุทยานฯ บางพื้นที่ ช่วงฤดูฝน เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า พื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติฯและป่าสงวน จะปิดบริการท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนและมรสุม ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน 2556

      โดยประกาศปิดอุทยาน 46 แห่ง ในจุดเปราะบางและไม่เอื้อต่อการท่องเที่ยว เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว อาทิ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ปิดบริเวณเส้นทางศึกษาธรรมชาติและจุดชมวิวผาเดียวดาย, ภูกระดึงบริเวณยอดภู, ผาแต้ม บริเวณป่าดงนาทาม, ดอยภูคา ดอยสุเทพ-ปุย ดอยหลวง อุทยานแห่งชาติเขาสก อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

      ขณะเดียวกันทางภาคใต้ก็จะเข้าสู่ช่วงมรสุม ตะวันออกเฉียงใต้ การท่องเที่ยวทางทะเล ก็จะปิดบางพื้นที่ อาทิ เกาะเสม็ด บริเวณเกาะทะลุและเกาะกุฎี ปิดจนถึง 30 กันยายน, หมู่เกาะเภตรา ,หมู่เกาะลันตา, หมู่เกาะสิมิลัน ,หมู่เกาะสุรินทร์ จะปิดถึง 31 ตุลาคม ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลปิดอุทยานฯ ได้ที่สายด่วน 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ www.dnp.go.th

ขอชวนเที่ยวงานประเพณีบุญหลวง และการละเล่นผีตาโขน ปี 2556



 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย ขอเชิญผู้ที่สนใจร่วมงานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน ปี 2556 ในวันที่ 10-12 กรกฎาคม 2556 ณ หน้าที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย วัดโพนชัย และถนนแก้วอาสา อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย


      นางสาวยุพา ปานรอด ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเลย กล่าวถึงงานนี้ว่า งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน เป็นประเพณีที่รวมเอา “งานบุญพระเวส” ( ฮีตเดือนสี่ ) และ“งานบุญบั้งไฟ” (ฮีตเดือนหก) เข้าไว้เป็นงานบุญเดียวกัน นักท่องเที่ยวจะได้ชมขบวนแห่ “ผีตาโขน” ที่สร้างสีสันตื่นตา ตื่นใจ เต้นตามท่วงทำนองจังหวะดนตรีที่เร้าใจ แสดงเอกลักษณ์ของหน้ากากที่โดดเด่นของศิลปะการแต่งแต้มลวดลาย เน้นสีสันที่สดใสงดงาม