วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การรันอิน รถใหม่ป้ายแดง

เมื่อท่านซื้อรถใหม่สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือ การรันอิน และการรันอินนั้นจะต้องทำอย่างถูกวิธี
........เป็นที่ทราบกันดีว่ารถใหม่หรือช่วงเครื่องยนต์ใหม่หรือช่วงรัน-อินคือช่วงที่มีการสึกหรอมากที่สุดเพราะชิ้นส่วนต่างๆยังไม่เข้าที่อยู่ระหว่างการปรับสภาพซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออายุงานของรถว่าจะยาวนานขนาดไหน เมื่อมีโอกาสซื้อป้ายแดงซักคันจะได้ปฏิบัติเพื่อถนอมรถให้มีอายุยืนยาวที่สุด
เพราะคันนึงถูกๆซะเมื่อไหร่
1.ที่ระยะ100 กิโลเมตรแรก
.....หลังจากขับออกจากโชว์รูมมาช่วงแรกนี้ผมจะถนอมรถมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะผมถือว่าเป็นช่วงที่มีการสึกหรอมากที่สุดและรุนแรงที่สุด โดย:
1.1.ออกตัวนิ่มนวลที่สุดค่อยๆปล่อยคลัทช์และกดคันเร่งเบาๆให้รอบค่อยๆสูงขึ้นทีละน้อยให้รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ก็ค่อยๆปล่อยเบรคจนสุดรถก็จะเคลื่อนตัวออกไปเองอย่างช้าๆแล้วค่อยมาแตะคันเร่งกดลงเบาๆเช่นกัน(ถ้าฝึกบ่อยๆเราจะกลายเป็นคนที่ขับรถอย่างนิ่มนวลไปโดย
อัตโนมัติและจะชินกับมันตลอดไป)
1.2.ควบคุมรอบเครื่องไม่ให้เกิน 2,000รอบ เปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นทันทีที่2,000 รอบ และลดเกียร์ต่ำลงทันทีที่ 1,200รอบ ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ก็จะปล่อยให้มันทำงานเองแต่จะควบคุมความเร็วไม่ให้เกิน 60กม/ชม.และจะใช้โอเวอร์ไดรว์ทันทีที่ความเร็วถึง 60กม/ชม.
1.3.เปลี่ยนเกียร์และรอบเครื่องหรือความเร็วมากหรือบ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้โดยไม่แช่หรือนิ่งไว้ที่รอบหรือความเร็วใดๆ โดยการกดหรือผ่อนคันเร่งช้าๆอย่างนิ่มนวลเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเอนจิ้นเบรค
1.4 ควบคุมความเร็วสูงสุดไม่ให้เกิน 60กม./ชม.
1.5 หลีกเลี่ยงการเหยียบเบรคอย่างรุนแรง(ยกเว้นฉุกเฉิน)ยังไงเราก็ขับช้าอยู่แล้วสามารถที่จะคาดการณ์ล่วงหน้าและวางแผนการแตะเบรคได้อย่างนิ่มโดยไม่ยากนัก แต่ถ่าสามารถหาถนนโล่งๆได้ก็จะชิดซ้ายและแตะเบรคเป็นระยะๆ เพื่อลดความเร็วและจะได้เปลี่ยนเกียร์-ความเร็ว-รอบเครื่อง
บ่อยๆได้อีกด้วย

2. ที่ระยะ101-500 กิโลเมตร2. ที่ระยะ101-500 กิโลเมตร
2.1 การปฏิบัติยังเป็นแบบเดิมทุกประการเพียงแต่จะลดความถี่ในการกระทำลงไปเช่นการเปลี่ยนเกียร์-รอบ-ความเร็วจากที่เคยทำอยู่ตลอดเวลาก็อาจจะลดเหลือซัก 5-10นาทีครั้ง
2.2 เพิ่มการควบคุมรอบสูงขึ้นจากไม่เกิน 2,000รอบเป็นไม่เกิน 2,500รอบ (รอบต่ำลดเกียร์ราว
1,500-1,200รอบ)
2.3 เพิ่มการควบคุมความเร็วสูงสุดขึ้นจากไม่เกิน 60 กม/ชม.เป็นไม่เกิน 80 กม/ชม.
2.4 เมื่อถึงระยะ 500กิโลเมตร ทำการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองและน้ำมันเกียร์พร้อมกรอง
(ถ้ามี)
3. ที่ระยะ501-1,000 กิโลเมตร
3.1 การปฏิบัติยังเป็นแบบเดิมทุกประการเพียงแต่จะลดความถี่ในการกระทำลงไปเช่นการเปลี่ยนเกียร์-รอบ-ความเร็วจากที่เคยทำอยู่จากข้อ2ราว 5-10นาทีครั้งก็อาจจะลดเหลือซัก 10-15นาทีครั้ง(รวมไปถึงการแช่รอบ-และความเร็วด้วย)
3.2 เพิ่มการควบคุมรอบสูงขึ้นจากไม่เกิน 2,500รอบเป็นไม่เกิน 3,000รอบ(รอบต่ำลดเกียร์ราว
1,500-1,200รอบ)
3.3 เพิ่มการควบคุมความเร็วสูงสุดขึ้นจากไม่เกิน 80 กม/ชม.เป็นไม่เกิน 100 กม/ชม.
3.4 เมื่อถึงระยะ 1,000กิโลเมตร ทำการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรอง-น้ำมันเบรค-น้ำมันคลัทช์(ถ้ามี)-น้ำมันเฟืองท้าย(ถ้ามี)-น้ำมันพวงมาลัย(ถ้ามี)
4. ที่ระยะ1,001-1,500 กิโลเมตร
4.1 การปฏิบัติยังเป็นแบบเดิมทุกประการเพียงแต่จะลดความถี่ในการกระทำลงไปเช่นการเปลี่ยนเกียร์-รอบ-ความเร็วจากที่เคยทำอยู่จากข้อ3ราว 10-15นาทีครั้งก็อาจจะลดเหลือซักไม่เกิน 30นาทีครั้ง(รวมไปถึงการแช่รอบ-และความเร็วหรือการเดินทางไกลด้วย)
4.2 เพิ่มการควบคุมรอบสูงขึ้นจากไม่เกิน 3,000รอบเป็นไม่เกิน 3,500รอบ(รอบต่ำลดเกียร์ราว
1,500-1,200รอบ)
4.3 เพิ่มการควบคุมความเร็วสูงสุดขึ้นจากไม่เกิน 100 กม/ชม.เป็นไม่เกิน 120 กม/ชม.
5. ที่ระยะ1,501-3,000 กิโลเมตร
5.1 ขับขี่ตามปกติตามสะดวกแต่ก็ควรรักษาการปฏิบัติแบบเดิมในเรื่องความนุ่มนวลของการออกตัว-การเร่ง-การเบรค(ถ้าสามารถทำได้)
5.2 เพิ่มการควบคุมรอบสูงขึ้นจากไม่เกิน 3,500รอบเป็นไม่เกิน 4,000รอบ(รอบต่ำลดเกียร์ราว2,000-1,200รอบ)
5.3 เพิ่มการควบคุมความเร็วสูงสุดขึ้นจากไม่เกิน 120 กม/ชม.เป็นไม่เกิน 140 กม/ชม.
5.4 เมื่อถึงระยะ 3,000กิโลเมตรหรือไม่เกิน3 เดือนทำการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรอง
6. ที่ระยะ3,001-5,000 กิโลเมตร
6.1 ขับขี่ตามปกติตามสะดวกแต่ก็ควรรักษาการปฏิบัติแบบเดิมในเรื่องความนุ่มนวลของการออกตัว-การเร่ง-การเบรค (ถ้าสามารถทำได้เพราะจะเป็นการฝึกนิสัยการขับขี่ที่ดีอย่างถาวรไปในตัว)
6.2 เพิ่มการควบคุมรอบสูงขึ้นจากไม่เกิน 4,000รอบเป็นไม่เกิน 4,500รอบ(รอบต่ำลดเกียร์ราว2,000-1,200รอบ)
6.3 เพิ่มการควบคุมความเร็วสูงสุดขึ้นจากไม่เกิน 140 กม/ชม.เป็นไม่เกิน 160 กม/ชม.
6.4 เมื่อถึงระยะ 5,000กิโลเมตรหรือนานสุดไม่ควรเกิน6 เดือนทำการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรอง
7. ที่ระยะ5,001-10,000 กิโลเมตร
7.1 ขับขี่ตามปกติตามสะดวก
7.2 ไม่จำกัดรอบเครื่องสูงสุดเอาแค่ไม่เกินขีดแดงก็พอ รอบต่ำลดเกียร์ก็ตามสะดวก
7.3 ไม่จำกัดความเร็วสูงสุดจะเอาแบบสุดเข็มไมล์หรือสุดคันเร่งก็ไม่ว่ากัน
7.4 เมื่อถึงระยะ 10,000กิโลเมตรหรือนานสุดไม่ควรเกิน12 เดือนทำการเปลี่ยนของเหลวที่มีในรถทั้งหมดทั้งมันเครื่องพร้อมไส้กรอง-น้ำมันเกียร์(พร้อมกรอง)-น้ำมันคลัทช์(ถ้ามี)-น้ำมันเฟืองท้าย(ถ้ามี)-น้ำมันเบรค-น้ำ
หล่อเย็น-น้ำมันพวงมาลัย(ถ้ามี)
8. เกิน 10,000 กิโลเมตรขึ้นไป
8.1 เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองทุกๆ 10,000 กิโลเมตรหรือทุกๆ 6 เดือน
8.2 เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์(ธรรมดา)พร้อมไส้กรอง(ถ้ามี)ทุกๆ 40,000 กิโลเมตรหรือทุกๆ 2 ปี
8.3 เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์(ออโต้)พร้อมไส้กรอง(ถ้ามี)ทุกๆ 20,000 กิโลเมตรหรือทุกๆ 1 ปี
8.4 เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรค-น้ำหล่อเย็นและน้ำมันคลัทช์(ถ้ามี)ทุกๆ 40,000 กิโลเมตรหรือทุกๆ 2 ปี
8.5เปลี่ยนถ่ายน้ำมันพวงมาลัย(ถ้ามี)ทุกๆ 60,000 กิโลเมตรหรือทุกๆ 4 ปี
8.6เปลี่ยนหัวเทียน(ถ้ามี)-กรองอากาศและกรองเชื้อเพลิงทุกๆ40,000 กิโลเมตรหรือทุกๆ 2 ปี
8.7เปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกๆ 2ปี
8.8เปลี่ยนสายพานทุกเส้นพร้อมตัวตั้งความตึง(ถ้ามี)ทุกๆ 4ปีหรือไม่เกิน 80,000-100,000กิโลเมตร
8.9ปรับตั้งระยะของวาล์วหรือถอดชุดปรับตั้งวาล์วอัตโนมัติออกทำความสะอาดทุกๆ 2ปีหรือ 20,000กิโลเมตรแต่ต้องไม่เกิน40,000กิโลเมตร

อาจจะมีหลายท่านแย้งว่าศูนย์บริการทุกวันนี้เขาเปลี่ยนครั้งแรกที่ 10,000โลเลยเพราะเครื่องยนต์ที่ทนทานกว่าแต่ก่อน และทันสมัยขึ้น แต่อย่าลืมว่าน้ำมันที่เขาใส่ให้คุณนั้นตามศูนย์บริการนั้นมาจากถัง200ลิตรแล้วเปิดถังตั้งแต่มื่อไหร่
ความชื้นเข้าไปเท่าไหร่แล้วกว่าจะถึงคิวเติมรถของท่านครับ..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น