วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

พระกริ่งจักรพรรดิพระนามแดงพิธียิ่งใหญ่


       พระกริ่งจักรพรรดิพระนามแดงมหาพิธีอันยิ่งใหญ่กับบันทึกตำนาน'ห้ามผู้หญิงจับ'                ตำนานการสร้างพระชัยวัฒน์ของวัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อ พ.ศ.๒๖๐ บันทึกไว้ว่า “พระนามดำให้ผู้หญิงจับได้ พระนามแดงห้ามผู้หญิงจับ และห้ามนำองค์พระเข้าไปในสถานที่อโคจร เพราะมิได้ตั้งอยู่ในสมณธรรมอันบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นข้าศึกแห่งพระพรหมจรรย์ องค์พระอาจสูญหายได้ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์อย่างใดอย่างหนึ่ง”

               พ.ศ.๒๕๔๖ มีการสถาปนาพระกริ่งจักรพรรดิ ประกอบพิธีการสร้าง ๖ พิธี ใช้ระยะเวลากว่า ๑ ปี มีบันทึกไว้ตอนหนึ่งว่า ครั้งนั้นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ได้สั่งนายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด ให้นำองค์พระกริ่งพระนามแดงเข้าพิธี “ปลุกเสกยอดศีล” ในวันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเมีย ณ พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อปลุกเสกยอดศีลแล้วจึง “ห้ามผู้หญิงจับหรือสัมผัสถูกองค์พระกริ่งเด็ดขาด” 

               การจัดพุทธาภิเษกใหญ่ ๙ ชาติ ระหว่างวันที่ ๒๓ ม.ค. ถึงวันที่ ๑ เข้ารุ่งสว่างวันที่ ๒ ก.พ.๒๕๔๖ รวมพิธี ๑๑ วัน โดยพิธีเริ่มที่พระสงฆ์สวดพระคาถาภาณวาร เพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคลก่อนนำองค์พระกริ่งทั้งหมดเข้าในพระอุโบสถ จากนั้นรุ่งขึ้นวันที่ 24 มกราคม เป็นพิธีสักการะพระประธาน 3 โบสถ์ ต่อด้วยพิธีปลุกเสกยันต์พระจักรพรรดิ บนฝาเพดานอุโบสถและ “อัญเชิญผ้าพระมหายันต์ขึ้น” ประจำรักษา ๘ ทิศ ๔ ธาตุ  ปิดอากาศและปฐวี ให้ทหารสลับเวรยืนเฝ้าประตู “ห้ามผู้หญิงก้าวล่วงขึ้นบนพระอุโบสถ”

               จากนั้นปิดพระอุโบสถโดยครูบาเจ้าเทือง แห่งวัดบ้านเด่น อธิษฐานจิตอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตลงมณฑลพิธี เจ้าคณะใหญ่สงฆ์ญวนนิกาย ๒๑ รูปสวดเปิดมณฑลพิธีคณะของ “องค์ปันเชลามะทิเบต” ๓ รูป สวดอัญเชิญบารมีพระกริ่ง ตามด้วยคณะสงฆ์จีนนิกาย ๑๔ รูป สวดเปิดอัญเชิญพระกริ่งหน้าโต๊ะกิมตึ๊งในพระอุโบสถ วันที่ ๒๕ ม.ค.เป็นพิธีพราหมณ์บวงสรวง ขออนุญาตดวงพระวิญญาณเสด็จกรมขุนมรุพงษ์ศิริพัฒน์ จากนั้นเป็นพิธีบูชาเทวดารักษา ๘ ทิศ

               เมื่อพระสงฆ์ ๒๕๔๖ รูป จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เจริญพระพุทธมนต์แล้ว ตามด้วยพิธีอัญเชิญพระนามพระพุทธเจ้า ๖๗๒ พระนาม อัญเชิญ ๘๐ พระอรหันต์ มีการจุดพลุเสียงดังสนั่นกึกก้องทั่วท้องฟ้า

               ตลอดพิธียังมีพระมหานาคสำนักวัดต่างๆ ทั่วประเทศสวดอาทิพระคาถาพุทธาภิเษก, ภาณวาร อิติปิโสรัตนมาลา มหาธารณี ทิพยมนต์ และชินบัญชร หมุนเวียนสับเปลี่ยน  ๓๐ ชุด การสวดธรรมจักรฯ “ตลอดคืนข้ามรุ่งทุกวัน” วันสุดท้ายพระสงฆ์สายวัดสุทัศนฯ ที่เคยได้รับการสร้างพระกริ่งให้วัดละ ๙ รูป มาร่วม “เจริญพระพุทธมนต์รับอรุณ” เช้าวันที่  ๒ ก.พ.๒๕๔๖ ดับเทียนชัย มีมหาลามะจากเนปาล-ภูฏาน ทำพิธีปลุกเสกเบิกพระเนตรรอบมณฑลพิธี จากนั้นพระราชครูพรามหณ์ ประกอบพิธีอ่านโองการเบิกแว่นเทียนให้ “๑๔ กุลบุตร” มีดวงเกิดดาวพฤหัสได้ตำแหน่งเกษตราธิบดี เท่า “กำลังพระจักรพรรดิ ๑๔ คน” ทำการเวียนสมโภช มีวงมโหรีเครื่องสาย ปี่พาทย์ ไทย มอญ ดนตรีจีน อังกระลุง สังข์ แตร แตรบัณเฑาะก์ “บรรเลงส่งเทวดา”

               พระกริ่งจักรพรรดิ พระนามแดงจึงเป็นพระกริ่งต้องห้ามตามตำราที่จัดสร้างอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งชาวไทยในปัจจุบันจักหาชมของจริงจาก ๖๗๒ องค์ ถือว่ามิใช่เรื่องง่ายๆ

               พระกริ่งจักรพรรดิพระนามแดงมหาพิธีอันยิ่งใหญ่กับบันทึกตำนาน'ห้ามผู้หญิงจับ' : พระองค์ครู ไตรเทพ ไกรงู

               
               ตำนานการสร้างพระชัยวัฒน์ของวัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อ พ.ศ.๒๖๐ บันทึกไว้ว่า “พระนามดำให้ผู้หญิงจับได้ พระนามแดงห้ามผู้หญิงจับ และห้ามนำองค์พระเข้าไปในสถานที่อโคจร เพราะมิได้ตั้งอยู่ในสมณธรรมอันบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นข้าศึกแห่งพระพรหมจรรย์ องค์พระอาจสูญหายได้ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์อย่างใดอย่างหนึ่ง”

               พ.ศ.๒๕๔๖ มีการสถาปนาพระกริ่งจักรพรรดิ ประกอบพิธีการสร้าง ๖ พิธี ใช้ระยะเวลากว่า ๑ ปี มีบันทึกไว้ตอนหนึ่งว่า ครั้งนั้นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ได้สั่งนายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด ให้นำองค์พระกริ่งพระนามแดงเข้าพิธี “ปลุกเสกยอดศีล” ในวันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเมีย ณ พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อปลุกเสกยอดศีลแล้วจึง “ห้ามผู้หญิงจับหรือสัมผัสถูกองค์พระกริ่งเด็ดขาด” 

               การจัดพุทธาภิเษกใหญ่ ๙ ชาติ ระหว่างวันที่ ๒๓ ม.ค. ถึงวันที่ ๑ เข้ารุ่งสว่างวันที่ ๒ ก.พ.๒๕๔๖ รวมพิธี ๑๑ วัน โดยพิธีเริ่มที่พระสงฆ์สวดพระคาถาภาณวาร เพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคลก่อนนำองค์พระกริ่งทั้งหมดเข้าในพระอุโบสถ จากนั้นรุ่งขึ้นวันที่ 24 มกราคม เป็นพิธีสักการะพระประธาน 3 โบสถ์ ต่อด้วยพิธีปลุกเสกยันต์พระจักรพรรดิ บนฝาเพดานอุโบสถและ “อัญเชิญผ้าพระมหายันต์ขึ้น” ประจำรักษา ๘ ทิศ ๔ ธาตุ  ปิดอากาศและปฐวี ให้ทหารสลับเวรยืนเฝ้าประตู “ห้ามผู้หญิงก้าวล่วงขึ้นบนพระอุโบสถ”

               จากนั้นปิดพระอุโบสถโดยครูบาเจ้าเทือง แห่งวัดบ้านเด่น อธิษฐานจิตอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตลงมณฑลพิธี เจ้าคณะใหญ่สงฆ์ญวนนิกาย ๒๑ รูปสวดเปิดมณฑลพิธีคณะของ “องค์ปันเชลามะทิเบต” ๓ รูป สวดอัญเชิญบารมีพระกริ่ง ตามด้วยคณะสงฆ์จีนนิกาย ๑๔ รูป สวดเปิดอัญเชิญพระกริ่งหน้าโต๊ะกิมตึ๊งในพระอุโบสถ วันที่ ๒๕ ม.ค.เป็นพิธีพราหมณ์บวงสรวง ขออนุญาตดวงพระวิญญาณเสด็จกรมขุนมรุพงษ์ศิริพัฒน์ จากนั้นเป็นพิธีบูชาเทวดารักษา ๘ ทิศ

               เมื่อพระสงฆ์ ๒๕๔๖ รูป จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เจริญพระพุทธมนต์แล้ว ตามด้วยพิธีอัญเชิญพระนามพระพุทธเจ้า ๖๗๒ พระนาม อัญเชิญ ๘๐ พระอรหันต์ มีการจุดพลุเสียงดังสนั่นกึกก้องทั่วท้องฟ้า

               ตลอดพิธียังมีพระมหานาคสำนักวัดต่างๆ ทั่วประเทศสวดอาทิพระคาถาพุทธาภิเษก, ภาณวาร อิติปิโสรัตนมาลา มหาธารณี ทิพยมนต์ และชินบัญชร หมุนเวียนสับเปลี่ยน  ๓๐ ชุด การสวดธรรมจักรฯ “ตลอดคืนข้ามรุ่งทุกวัน” วันสุดท้ายพระสงฆ์สายวัดสุทัศนฯ ที่เคยได้รับการสร้างพระกริ่งให้วัดละ ๙ รูป มาร่วม “เจริญพระพุทธมนต์รับอรุณ” เช้าวันที่  ๒ ก.พ.๒๕๔๖ ดับเทียนชัย มีมหาลามะจากเนปาล-ภูฏาน ทำพิธีปลุกเสกเบิกพระเนตรรอบมณฑลพิธี จากนั้นพระราชครูพรามหณ์ ประกอบพิธีอ่านโองการเบิกแว่นเทียนให้ “๑๔ กุลบุตร” มีดวงเกิดดาวพฤหัสได้ตำแหน่งเกษตราธิบดี เท่า “กำลังพระจักรพรรดิ ๑๔ คน” ทำการเวียนสมโภช มีวงมโหรีเครื่องสาย ปี่พาทย์ ไทย มอญ ดนตรีจีน อังกระลุง สังข์ แตร แตรบัณเฑาะก์ “บรรเลงส่งเทวดา”

               พระกริ่งจักรพรรดิ พระนามแดงจึงเป็นพระกริ่งต้องห้ามตามตำราที่จัดสร้างอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งชาวไทยในปัจจุบันจักหาชมของจริงจาก ๖๗๒ องค์ ถือว่ามิใช่เรื่องง่ายๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น