วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กระถินเทศ


กระถินเทศ หรืออีกหนึ่ง สมุนไพรกระถินเทศ ประเทศฝรั่งเศษนิยมปลูก กระถินเทศ อย่างมากเพราะว่ามีสรรพคุณช่วย ผลิตน้ำหอมได้ และนอกจากนั้นแล้ว กระถินเทศ ยังคงมีสรรพคุณและคุณประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมายและที่สำคัญยังใช้เป็นยาในการรักษาโรคได้อีกด้วยค่ะ นั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะว่ากระถินเทศนั้นจะช่วยคุณในการรักษาโรคอะไรได้บ้าง

 สรรพคุณ / ประโยชน์ กระถินเทศ

- เปลือกต้น จะมีรสฝาดใช้สมานแผลห้ามเลือด แก้ท้องเสีย วิธีใช้โดยการต้มน้ำกินแทนน้ำชา ใช้ภายนอกจะต้องบดให้ละเอียดต้มแล้วกรองเอาน้ำใช้ล้างแผลหรือใช้ทาแผลส่วนที่ใช้ต้องทำให้แห้งใช้ประมาณ 1.5-3 กรัม

- ยาง ใช้ผสมกับยาผงปั้นเป็นเม็ดผสมกับยาอื่นแก้เยื่ออ่อนชุ่มชื้น แก้ไอ ยางยังสามารถใช้เป็นกาวทาได้ ซึ่งเรียกว่า กัมอะเคเซีย

- ราก จะมีรสฝาดใช้อักเสบ ปวดข้อ ฝีมีหนอง วิธีใช้คือ ใช้ต้มกินน้ำ ใช้ภายนอกใช้ต้มแล้กรองเอาน้ำใช้ล้างแผลหรือใช้ตำให้ละเอียดแล้วเอาพอกแผล ปริมาณที่ใช้ทำให้แห้งใช้ประมาณ 15-24 กรัม

- ดอก สามารถที่จะสกัดกลิ่นหอมของดอกกลั่นมาเป็นน้ำหอมได้

ตำรำยา

1. เมื่อมีอาการปวดตามข้อ ให้ใช้รากสดของมัน ประมาณ 60 กรัม ใช้ตุ๋นกับเป็ดหรือไก่หรือเต้าหู้ ให้เอาอย่างใดอย่างหนึ่งกิน

2. เมื่อเป็นฝีหนองหลายตัว ให้ใช้รากสดประมาณ 60 กรัม ถ้ามีหนองมากให้ตุ๋นกับเต้าหู้กิน ถ้ามีหนองน้อยให้ตุ๋นกับไก่หรือเป็ดกิน

3. เมื่อเป็นโรคเลือดออกตามไรฟัน ให้ใช้เปลือกต้นของมันประมาณ 1 ส่วน ต่อ น้ำ 20 ส่วน แล้ผสมกับขิงสดอีก 1 แง่ง ต้มให้เดือด แล้วกรองเอาน้ำใช้บ้วนปากทุกเช้าเย็นเป็นประจำ

4. เมื่อเป็นวัณโรคมีร่างกายอ่อนแอ ให้ใช้รากที่แห้งแล้วประมาณ 15-30 กรัม ต้มเอาน้ำมาตุ๋นกับเป็ดหรือไก่หรือเต้าหู้ให้เอาอย่างใดอย่างหนึ่งกินวันละครั้ง

กระถินเทศ
ข้อมูลทางเภสัชวิทยา


ในการสกัดสารด้วยแอลกอฮอล์จากพืชนี้เมื่อนำมาลายในน้ำขนาด 20-80 มิลลิกรัมต่อกรัม ก็จะทำให้หัวใจของกบที่แยกออกจากตัวจะบีบตัวลดลงเห็นจังหวะ ส่วนความแรงจากการบีบตัวนั้นจะลดลงชั่วคราวในช่วงแรก ๆ ต่อมาก็จะเพิ่มการบีบตัวขึ้นเป็นจังหวะ และความแรงของการบีบตัวของกระต่ายก็เช่นกันจะใช้สารสกัดเช่นเดียวกันก็จะทำให้การบีบตัวในระยะแรกเพิ่มขึ้น ต่อมาก็จะลดลงเป็นจังหวะความแรงในการบีบตัวในขนาด 40-80 มิลลิกรัมต่อกรัม ก็จะทำให้หัวใจของสุนัขทั้งห้องบนห้องล่างจะบีบตัวขึ้นในช่วงแรก ๆ ก็จะทำให้ความดันเลือดก็จะสูงขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้สารที่สกัดจากพืช มียังจะทำให้ปริมาตรและจังหวะในการหายใจของสุนัขเพิ่มขึ้น สารละลายที่ได้จาการสกัดพืชนี้มีความเข้มข้น 1 ต่อ 1000 ส่วน ทำให้สามารถที่จะแก้ฤทธิ์ของอะซีติลโคลีน (acetylcholine) และแบเรียมคลอไรด์ที่มากระตุ้นกล้ามเนื้อมดลูกของหนูใหญ่และยังมีฤทธิ์ที่จะยับยั้งจังหวะการบีบตัวตามปรกติของกล้ามเนื้อมดลูกของหนูใหญ่ที่แยกจากตัวได้


หมายเหตุ

- ลำต้น เมื่อมีบาดแผลก็จะให้ยางไม้สีเหลืองถึงสีน้ำตาลเข้มสามารถที่จะนำมาใช้ขนมหวานประเภทลูกกวาดในโรงงานลูกกวาดได้ และใช้เป็นยาหล่อลื่นได้

- ดอก จะให้น้ำมันกลิ่นหอม ที่เรียกว่า Cassie oil สามารถที่จะนำมาผสมในเครื่องหอมต่าง ๆ เช่น น้ำมันใส่ผมอบผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น ยาชงจากดอกสามารถกินแก้อาการอาหารไม่ย่อยและยาขี้ผึ้งจากดอกใช้แก้ปวดหัว นอกจากนี้ดอกยังใช้แช่เหล้ากินเป็นยาแก้ปวดท้อง และเป็นยากระตุ้น

- เปลือก ใช้ต้มแล้วกรองเอาน้ำใช้ล้างแผลแก้ดากออกหรือแก้ระดูขาวได้ และเปลือกเมื่อใช้ต้มกับหอมหัวใหญ่ใช้กินเป็นยาทำให้อาเจียน นอกจากจะใช้เป็นยาแล้วเปลือกยังใช้ฟอกหนังได้ด้วย

- ฝัก ประกอบด้วยของฝาด (tannin) ประมาณ 23 % มักใช้ผสมในน้ำต้มย้อมผ้าจะได้เป็นสีธรรมชาติมากขึ้น ฝักดิบเขียวจะมีรสฝาดมากใช้ต้มเอาน้ำล้างแผลแก้ผิวหนังและเยื้อเมือกอักเสบเมื่อต้มน้ำกินก็จะแก้โรคบิดได้

- ราก เปลือก และใบ จะมีรสฝาดใช้ต้มแล้วกรองเอาน้ำใช้ล้างผิวหนังอาการเยื่อเมือกอักเสบ เช่น ที่คอและตา เป็นต้น

- ใบแก่และใบอ่อน ใบแก่ใช้ตำแล้วคั้นเอาน้ำจากใบใช้ทาบริเวณเอวและหลังสามารถบรรเทาอาการปวดได้ ใบอ่อนใช้ตำแล้เอากากมาพอกแก้แผลเรื้อรังและแก้บาดแผลได้เมื่อนำเอามาต้มกรองเอาน้ำใช้ล้างแผลได้

- ยางจากราก ใช้อม กิน เคี้ยวแก้ไอ แก้เจ็บคอ ราก ใช้ตำแล้วเอามาพอกที่กลีบเท้าควาย วัว สามารถที่ใช้ฆ่าหรือป้องกันพยาธิ และยังนำมาผสมเหล้าตำพอกแก้ขาแขนบวมและอักเสบ

- เนื้อหุ้มเมล็ด ใช้ตำแล้นำมาพอกแก้ฝีหลายหัวและใช้แก้เนื้องอก

- เกสรจากดอก เมื่อเข้าตาอาจจะทำให้เคืองตาได้ พรรณไม้ชนิดนี้สามารถใช้เลี้ยงครั่งได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น