วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ท่องป่าหน้าหนาว



 ปลายเดือนตุลาคม..ฝนจะเริ่มทิ้งช่วงจนกระทั่งขาดเม็ดฝนสนิท ท้องฟ้าที่เคยมืดครึ้มอุ้มฝนมานานหลายเดือนก็เริ่มกระจ่างใสเป็นสีฟ้าเข้ม แม้จะมีเมฆมาแต่งแต้มอยู่บ้าง ก็เป็นเมฆขนนกที่อยู่สูงลิ่ว ผืนป่าที่ชุ่มชื้นด้วยสายฝนเริ่มเหือดแห้ง พร้อมๆกับลมหนาวจากทิศเหนือเริ่มแผ่ไอเย็นเข้ามาปกคลุม สัตว์ป่าน้อยใหญ่แทบทุกชนิดเริ่มจับคู่ผสมพันธุ์ และในยามรุ่งเช้ามักจะก่อเกิดทะเลหมอกหรือสายหมอกขาวโพลนดั่งปุยนุ่นลอยตัวจับเกาะติดกันอยู่หนาแน่นตามหุบเขาและราวป่า นอกจากนี้ป่าหน้าหนาวยังเต็มไปด้วยความหลากหลายสีสันสวยสดงดงามของพรรณไม้ที่กำลังเริ่มผลิดอกออกชูช่อสวยงาม บ้างก็ออกดอกเป็นทุ่งตระการตา
     
    หน้าหนาวจึงเปรียบเสมือนเป็นฤดูอันสดใสของผู้รักธรรมชาติ เพราะการเดินป่าสะดวกสบายกว่าหน้าฝน ตัวทากและแมลงก็มีไม่ชุกชุม อากาศที่เย็นสบายทำให้ไม่เหนียวตัว น้ำตามลำห้วยลำธารก็มีเหลือเฟือและใสแจ๋วปราศจากโคลนตมหรือน้ำขุ่นเหมือนในหน้าฝน จะหุงหาอาหาร ดื่ม และอาบน้ำก็สะดวกสบาย การกินอยู่หลับนอนและหุงหาอาหารก็ไม่ต้องกังวลกับสายฝนที่อาจโปรยปรายหรือซัดกระหน่ำจนเปียกโชกและไม่สบายได้ อาหารสดที่เตรียมไปก็ไม่บูดเสียง่าย และถึงแม้ว่าเราจะไม่มีเต็นท์หรือเปลสนามติดตัวมาตั้งแค้มป์ ก็อาจใช้เพียงผ้าสักผืนมาปูพื้นนอนใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ใบหนาทึบเพื่อป้องกันน้ำค้างที่โปรยลงมาตอนดึกโดยเฉพาะหัวรุ่งก็เพียงพอแล้ว



  
ปัญหาเพียงอย่างเดียวของการท่องป่าหน้านี้ก็คือ“ความหนาวเย็นของอากาศ” ยิ่งเป็นขุนเขาสูงมากเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความหนาวเหน็บมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะตามขุนเขาสูงทางภาคเหนือและภาคอีสานตอนบนจะมีความหนาวเย็นยะเยือกต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส และบางปีก็ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งหรือ 0 องศาเซลเซียส จนทำให้น้ำค้างที่พรมอยู่ตามพื้นและยอดหญ้าในตอนรุ่งเช้ากลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆขาวโพลนเต็มไปหมดเรียกว่า“เหมยขาบ”(ภาษาคำเมือง)หรือ“แม่คะนิ้ง”(ภาษา จ.เลย) ซึ่งเป็นอากาศหนาวที่คนไทยไม่คุ้นเคยสักเท่าไรนัก และหากบริเวณแค้มป์เป็นที่โล่งแจ้งที่มีลมพัดโกรกอยู่ตลอดเวลาก็จะยิ่งรู้สึกหนาวเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ทำให้นักท่องเที่ยวที่เตรียมอุปกรณ์กันหนาวมาไม่พร้อมจำต้องลุกจากที่นอนมาหาไออุ่นอยู่ข้างๆกองไฟ และมีเป็นจำนวนไม่น้อยที่ต้องนั่งหลับนกหรือสัปหงกอยู่ข้างๆกองไฟตลอดทั้งคืนยันเช้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น