วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555

การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์

ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ ว่าทุกวันนี้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ล้วนแล้วต่างวิ่งเข้ามาหาผู้บริโภคกันอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร จนมาถึงอินเตอร์เน็ต

ไม่ยากเลยนะครับที่อยากรู้อะไร ก็เข้าไปคีย์wording เช่น ประกันภัยรถยนต์ ที่ Google ไม่ถึงวินาที ข้อมูลต่างๆก็โผล่ขึ้นมาให้เราดูเต็มไปหมด
เพราะฉนั้นการเลือกซื้อขั้นตอนแรกต้องใช้Googleเพื่อเช็คข้อมูลต่างๆ ว่ามีอยู่จริง น่าเชื่อถือรึเปล่า...

ขอเข้าสู่ขั้นตอนแรกในการเลือกซื้อ คือ...



1. เลือกบริษัทประกัน เพราะบริษัทประกันเป็นสินค้าหลัก ที่เราจะต้องใช้บริการเป็นเวลา 1 ปีเต็ม และเรื่องประกันหลายคนเข้าใจว่าต้องมีชื่อเสียง มีความมั่นคง เคลมดี มาเร็ว...แต่ข้อมูลเหล่านี้ เราต้องดูจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ผลประกอบการ ดูที่ http://www.oic.or.th/th/statistics/on-life-inner07.php หรือ ยอดขาย ส่วนแบ่งการตลาด ดูที่http://www.oic.or.th/downloads/statistics/nlife/yearly/2551/compare /compare_tab6_1351-1.pdf หรือดูจากwebsiteของบริษัทประกันนั้นๆที่เราสนใจ สิ่งสำคัญ คือ ความมั่นคง เหมือนการเลือกฝากเงินเลยครับ




2. เลือกช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น ซื้อโดยตรง,ซื้อผ่านธนาคาร,ซื้อผ่านตัวแทน-นายหน้า,ซื้อผ่านทางโทรศัพท์ หรือ ซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพอใจเพราะสุดท้ายก็ได้รับบริการจากบริษัทประกันภัย เป็นหลัก แต่ในช่องทางต่างๆจะมีจุดต่างที่ควรพิจารณาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

-ราคาค่าเบี้ยประกัน ซึ่งแต่ละที่ไม่เหมือนกัน แม้เป็นบริษัทประกันภัยเดียวกันตาม เพราะบางช่องทางมีเบี้ยพิเศษ หรือ มียอดขายเยอะพอที่จะได้ส่วนลดพิเศษ

-ส่วนลดการค้า 3%,5%,10% หรือมากกว่านั้น บางที่แถมพรบ. บางที่ให้บัตรเติมน้ำมัน เป็นโปรโมชั่น หรือ เกิดจากการต่อรอง

-การให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย เช่น แนะนำและเปรียบเทียบเบี้ยประกันของบริษัทที่เราสนใจ ประสานงานเคลมเวลาบริษัทประกันจ่ายช้า หรือ ไม่คุ้มครองบางรายการ สามารถให้คำปรึกษาและแนะนำได้อย่างถูกต้อง

*แต่อย่าลืม..เรื่องความน่าเชื่อถือเป็นอันขาด*เพราะหลายคนชอบต่อราคา เลยลืมที่จะตรวจสอบความน่าเชื่อถือของช่องทางที่มานำเสนอค่าเบี้ยเรา เช่น โทรมาขาย,searchเจอในGoogle ว่ามีตัวตน มีใบอนุญาต วิธีการง่ายๆโทรสอบถามบริษัทประกัน และชำระผ่านบัญชีบริษัทประกันและเก็บหลักฐานเอาไว้จะดีมากครับ



3. วิเคราะห์ลักษณะการใช้รถ เพื่อหาเบี้ยที่เหมาะสมที่สุด เช่น

-ซ่อมอู่ หรือ ห้าง ค่าเบี้ยต่างกัน 10-30% ซึ่งรถบางยี่ห้อ ห้างน้อยมากๆ สู้เลือกบริษัทประกันที่มีอู่ที่มีมาตรฐานสูงแทนจะดีกว่า สามารถประหยัดค่าเบี้ยได้พอสมควร และอู่สมัยนี้มีการแข่งด้านคุณภาพให้ทัดเทียมกับห้างแล้ว

-การระบุชื่อ เนื่องจากขับคนเดียว หรือ สองคน จะประหยัดเบี้ยได้ 5-20% ดูคนอายุน้อยเป็นหลัก ไม่แนะนำให้ระบุอายุต่ำกว่า 25ปี เพราะได้ส่วนลดนิดเดียว แล้วถ้าเป็นคนอื่นไปขับเวลาชน บริษัทจะเก็บค่าใช้จ่ายร่วม 8,000 บาทต่อครั้ง (2,000บาทสำหรับการซ่อมรถคู่กรณี 6,000บาทสำหรับการซ่อมรถเรา)

อายุผู้ขับขี่ ส่วนลด (%) **
รหัส 110 และรหัส 210

อายุ 18 ถึง 24 ปี 5%
อายุ 25 ถึง 35 ปี 10%
อายุ 36 ถึง 50 ปี 15%
อายุเกิน 50 ปี 20%

-การทำประกันกลุ่มสำหรับครอบครัวใหญ่ และนามสกุลเดียวกัน โดยต้องมี 3 คันขึ้นไป ได้ส่วนลด 10% ตั้งแต่คันที่ 3 (แต่ส่วนใหญ่จะให้ส่วนลดประวัติดี+กลุ่มรวมกันไม่เกิน 30%)

-ค่าexcess หรือ deduct (ค่าเสียหายส่วนแรก) โดยระบุเท่าไรก็จะได้ส่วนลดค่าเบี้ยเท่านั้น นิยมติดdeduct 2,000-5,000 บาท โดยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายนี้สำหรับกรณีเป็นฝ่ายผิดเท่านั้น (แต่ไม่แนะนำเพราะอุบัติเหตุเลือกเกิดไม่ได้)

จาก 3 ข้อนี้ ท่านก็สามารถเลือกซื้อประกันรถได้อย่างคุ้มค่าและมั่นใจได้แล้วครับ

ที่มา : การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ www. ancbroker.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น